สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัว 3 งานวิจัยเกษตร–สุขภาพ ที่พร้อมต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์จริงและเชิงพาณิชย์ ในกิจกรรม ARDA Mini Press @Mahidol University ตั้งแต่ยาชาจากกัญชงไทย อิมมูโนโกลบูลินจากไก่ไข่ ไปจนถึงอาหารทางการแพทย์สัญชาติไทยรายแรกของประเทศ ตอกย้ำบทบาทงานวิจัยไทยในการเสริมความมั่นคงด้านอาหารและยาลดการพึ่งพาการนำเข้า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตพญาไท กรุงเทพฯ
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร เปิดเผยว่า กิจกรรมครั้งนี้ ได้นำเสนอผลงานวิจัยที่พร้อมต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์จริงในระบบสุขภาพและสังคม โดยคัดเลือก 3ผลงานวิจัยเด่น ที่มีศักยภาพสูงในการขยายผลเชิงพาณิชย์ ได้แก่ นวัตกรรมผลิตสารสกัด “ CBD จากกัญชงไทย” เทคโนโลยีสกัดสารอิมมูโนฯ จากไก่ไข่ปลอดเชื้อเฉพาะและอาหารทางการแพทย์สัญชาติไทย รายแรกของประเทศ
นวัตกรรมผลิตสารสกัด “ CBD จากกัญชงไทย” โดย ศ.ดร.ทพญ. วรานันท์ บัวจีบ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ และคณะ ซึ่งได้พัฒนาสารสกัด CBD จากกัญชงไทยที่ไม่มีฤทธิ์เสพติดและต่อยอดเป็นยาทาเฉพาะที่ 2 สูตร ได้แก่ Canalog สำหรับอาการปวดในช่องปาก และ Canacream สำหรับอาการปวดข้อต่อขากรรไกร โดยทั้งสองสูตร ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้ว ให้ผลลดอาการปวด เทียบเท่ายามาตรฐานสากล (gold standard) แต่มีความปลอดภัยสูงกว่า ไม่เสพติดและสามารถผลิตจากวัตถุดิบที่ปลูกได้ในประเทศ งานวิจัยนี้เปิดทางให้กัญชงไทยก้าวสู่การเป็นวัตถุดิบยาในระบบสุขภาพและลดการพึ่งพาการนำเข้ายาแก้ปวดจากต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

เทคโนโลยีสกัดสาร อิมมูโนฯ จากไก่ไข่ปลอดเชื้อเฉพาะ ลดต้นทุน 50%ยกระดับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โดยนายชรินทร์ ถาวรคุโณ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ และคณะ งานวิจัยนี้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอิมมูโนโกลบูลินป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจาก ไก่ไข่ปลอดเชื้อเฉพาะ (SPF) แทนการใช้เลือดม้า โดยเริ่มจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ไก่ที่เลี้ยงในโรงเรือนระบบปิด จากนั้นนำไข่ที่ได้มาสกัดอิมมูโนโกลบูลิน เพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ ผลการผลิตสารกัดจากไก่ไข่ภายใต้โครงการวิจัยสามารถ ลดต้นทุนต่อขวดจาก 700–800 บาท เหลือประมาณ 350 บาท ใช้ไข่เพียง 7 ฟองต่อการผลิต 1 ขวด และสามารถรองรับความต้องการวัคซีนของประเทศที่ประมาณ 100,000 ขวดต่อปี ได้ด้วยไก่เพียง 2,000–4,000 ตัว ช่วยลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากสัตว์ขนาดใหญ่และลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนในภาวะวิกฤติ ปัจจุบันโครงการอยู่ในระดับการผลิตเชิงทดลองด้วยไก่ 36 ตัว เลี้ยงในระบบที่ควบคุมเชื้อโรคมากกว่า 30 ชนิด มีกำลังการผลิตประมาณ 1,500 ขวดต่อปี และอยู่ระหว่างการยกระดับโรงเรือนและกระบวนการผลิตสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม หากขยายผลได้เต็มศักยภาพ เทคโนโลยีนี้จะช่วยเสริมความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศ ลดต้นทุนระบบสาธารณสุข และเปิดโอกาสให้ไทยก้าวสู่ตลาดอิมมูโนโกลบูลินโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

อาหารทางการแพทย์สัญชาติไทย รายแรกของประเทศ เพิ่มมูลค่าข้าว–น้ำนม โดย ผศ.ดร. สุภัทร์ ไชยกุล หัวหน้าโครงการวิจัยฯ และคณะ คณะวิจัยพัฒนาอาหารทางการแพทย์จาก “น้ำนมผสมข้าว” นวัตกรรมจากนักวิจัยไทยรายแรก เพื่อใช้เป็นอาหารพร้อมบริโภคและอาหารทางสายให้อาหาร ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนตามมาตรฐานสากล และสามารถทดแทนอาหารทางการแพทย์นำเข้า มูลค่ากว่า 300–500 ล้านบาทต่อปี นวัตกรรมนี้ยกระดับวัตถุดิบเกษตรไทย โดยเพิ่มมูลค่า ข้าวกล้องส่วนเหลือจากการขัดสี จาก 10–20 บาท เป็น 180–200 บาทต่อกิโลกรัม ควบคู่กับการแก้ปัญหาน้ำนมล้นคลัง ด้วยการใช้น้ำนมโคถึง 40% ของส่วนผสมทั้งหมด
ปัจจุบันผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรม ได้รับการรับรองจาก อย. และจดอนุสิทธิบัตรแล้ว 2 สูตร ได้แก่ สูตรครบถ้วนปราศจากแลคโตสและสูตรน้ำนมปกติที่ใช้ข้าวกล้องเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตหลัก ผลทดสอบทางคลินิกยืนยัน ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (GI 20–28) ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะนี้ อ.ส.ค. ผลิตและจำหน่ายกว่า 345,600 กล่องต่อปี สร้างรายได้มากกว่า 10 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรปลูกข้าว อ้อย และโคนม ได้กว่า 725,760 บาทต่อปี เติบโตถึง 600%

นายทวีศักดิ์ ฯ กล่าวว่า ARDA มองว่า มหาวิทยาลัยมหิดล ไม่ใช่แค่แหล่งวิชาการที่ผลิตบุคลากรทางการแพทย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็น “พันธมิตรหลัก” ที่ร่วมกันพัฒนาต่อยอดภาคการเกษตรไทยผ่านงานวิจัย สู่การใช้ประโยชน์ของสังคมทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เราให้ทุนวิจัยเพราะเรามั่นใจว่างานวิจัยจากที่นี่สามารถขยายผลต่อยอดสร้างผลกระทบเชิงบวกได้จริงในบริบทของสังคมโดยรวม เพราะสำหรับ ARDA งานวิจัยไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือคำตอบในการแก้ไขปัญหาสังคมและสุขภาพซึ่งต้องได้รับการพัฒนาต่อยอดอย่างเหมาะสม
รองศาสตราจารย์ สราวุธ เทพานนท์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ กล่าวเสริมว่า ผลงานวิจัยทั้ง 3 เรื่องที่นำเสนอในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของงานวิจัยเกษตรไทยที่ก้าวข้ามห้องปฏิบัติการ สู่การใช้ประโยชน์จริงในระบบสุขภาพและเศรษฐกิจของประเทศ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมสนับสนุน ARDA เพื่อเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการเพิ่มมูลค่าเกษตรไทย ลดการพึ่งพาการนำเข้า เสริมความมั่นคงด้านอาหารและยาและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน








