“พล.อ.ณัฐพล” สั่งทุกเหล่าทัพ เพิ่มความเข้มงวดมาตรการดูแลความปลอดภัย ย้ำ ห้ามนำโดรนขึ้นบินใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันในบริเวณอ่าวไทย

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมี 3 ประเด็น คือ

1. การคุ้มครองคนไทยในกัมพูชาตามที่ฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศระงับการเดินทางผ่านแดนทางบก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสืออีกฉบับหนึ่ง ถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) โดยได้ชี้ให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวเข้าข่ายการละเมิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง อนุสัญญาเจนีวา และอนุสัญญาเวียนนา ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ค.ศ. 1963 โดยไทยได้เรียกร้องให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กำชับให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ขอย้ำว่าการให้ความช่วยเหลือทางกงสุลแก่คนไทยเป็นภารกิจที่กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญ โดยเฉพาะคนไทยในกัมพูชา ทั้งการออกเอกสารการเดินทาง การอำนวยความสะดวกในการเดินทาง การหาที่พักชั่วคราว การออกกฎบัตรโดยสารเครื่องบิน การประสานกับทางการกัมพูชาในการออกเอกสารสิทธิในการเดินทางต่างประเทศ ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีผู้เดินทางกลับไทยแล้วประมาณกว่า 400 คน และยังติดต่อเครือข่ายคนไทยสอบถามความปลอดภัยและแจ้งเตือนให้เดินทางกลับอย่างต่อเนื่อง สำหรับคนไทยที่อยู่ในปอยเปต สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ ได้ประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มคนไทยในเมืองปอยเปต และเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ในการเดินทางกลับไทยทางเครื่องบิน อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนค่อนข้างน้อย สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนแล้วสถานกงสุลพยายามติดต่อตรงแต่ติดต่อไม่ได้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว ผู้ที่กำลังจะลงทะเบียน ระบุหมายเลขโทรศัพท์ หรือที่อยู่ที่ติดต่อได้ กรณีมีข่าวเรื่องการจัดเที่ยวบินพิเศษนั้น สายการบินพาณิชย์ในเส้นทางบินปกติยังมีที่ว่างค่อนข้างมากจึงใช้สายการบินพาณิชย์เป็นทางเลือกแรก เนื่องจากรวดเร็ว มีความสะดวกและยืดหยุ่นกว่าในเรื่องเวลา กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับสายการบินอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากมีความจำเป็นต้องใช้การเช่าเหมาลำก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน

การเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนโดยฝ่ายกัมพูชาที่ยังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง เช่น กระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวหาไทยใช้ F16 ทิ้งระเบิด 2 ลูกที่เมืองปอยเปต ขอย้ำว่าเป้าหมายการปฏิบัติการทางอากาศของฝ่ายไทยคือการทำลายคลังขีปนาวุธที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในตัวเมืองปอยเปต ทุกภารกิจของฝ่ายไทยผ่านการกลั่นกรองหลายชั้น และคำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพลเรือนอย่างเคร่งครัด

2. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดการจะเข้าประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน สมัยพิเศษ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 22 ธันวาคม 2568  ตามที่นายสีหศักดิ์ ได้เคยย้ำว่าไทยพร้อมที่จะประชุมในครั้งนี้เพราะไทยไม่ได้ปิดกั้นการพูดคุยในกรอบอาเซียน และเชื่อมั่นว่ากลไกอาเซียนจะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในเรื่องนี้บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง โดยไทยจะใช้เวทีนี้ชี้แจงให้สมาชิกอาเซียนเข้าใจข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไทยจะแจ้งจุดยืนของไทย 3 ประการ คือ 1. กัมพูชาจะต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน 2. การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง 3. กัมพูชาจะต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดกับฝ่ายไทยอย่างจริงจัง ซึ่งยังไม่มีการบรรลุเงื่อนไขใดๆ จนถึงขณะนี้ ไทยปรารถนาจะเห็นสันติภาพ แต่สันติภาพต้องมาพร้อมความปลอดภัยของประชาชน และต้องเป็นสันติภาพที่มีความยั่งยืน

3. การเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อหารือข้อราชการของนายสีหศักดิ์ ระหว่างวันที่ 18-20 ธันวาคม 2568 ซึ่งได้มีโอกาสพบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น หารือแนวทางกระชับความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น เพื่อร่วมมือกันรับมือความผันผวนเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของโลก และส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้านในทุกมิติ ขณะที่ญี่ปุ่นยินดีสนับสนุนไทยในการเข้าเป็นสมาชิก องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development – OECD) นอกจากนี้ทั้ง 2 ฝ่ายยังแลกเปลี่ยนข้อคิดสถานการณ์ในภูมิภาค รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประเด็นเมียนมา ทะเลจีนใต้ และคาบสมุทรเกาหลี

ส่วนกรณีการพบโดรนใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตจากกองทัพเรือเรื่องการพบโดรน บริเวณใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย อาจประเมินได้ว่าเป็นความพยายามในการก่อวินาศกรรมของฝ่ายกัมพูชาหรือไม่ เพื่อตอบโต้ที่ประเทศไทยเข้มงวดการขนส่งน้ำมันและยุทธภัณฑ์เข้าไปในกัมพูชาขณะนี้ ว่าท่าทีของกัมพูชาในกรณีนี้อยู่ในขอบเขตที่ได้ประเมินไว้ ซึ่งไม่ใช่การมองในแง่ร้าย แต่เป็นไปเพื่อความไม่ประมาท แต่ยอมรับว่าน่านน้ำของไทย ยากต่อการเฝ้าตรวจการณ์ แตกต่างจากพื้นที่บนบก ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถสังเกตการณ์และพบโดรนได้ง่ายกว่า รวมทั้งได้รับทราบจากศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ว่าพื้นที่ทางทะเลของไทย ซึ่งมีเรือประมงกว่า 10,000 ลำ ซึ่งเรือต่างๆ เหล่านั้น ก็มีการปล่อยโดรนด้วย ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าโดรนที่พบในอ่าวไทยนั้น เป็นโดรนของฝ่ายตรงข้ามหรือโดรนของไทย และมีความประสงค์ในการก่อวินาศกรรมหรือประสงค์ร้ายหรือไม่

ส่วนการประสานงานกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยนั้น ได้รับทราบจากเครือข่ายของบริษัท ปตท. ว่ากำลังขออนุญาตที่จะจัดหาระบบต่อต้านโดรนมาติดตั้งในแหล่งขุดเจาะน้ำมันของ ปตท. เพราะถือว่าเป็นผลประโยชน์ของชาติ และอยู่ภายใต้การควบคุมของ กสทช. อยู่แล้ว สามารถดำเนินการได้ พร้อมกันนี้ ยังมอบหมายให้กองทัพอากาศ รับผิดชอบเรื่องการดูแลโดรน รวมทั้งได้พูดคุยกับกองทัพเรือ ซึ่งได้เฝ้าดูในเรื่องนี้อยู่ และมีการออกมาตรการเพิ่มเติมแล้ว ส่วนกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ภาพว่า สามารถทำลายโดรนตรวจการณ์ของฝ่ายไทยได้นั้น พลเอก ณัฐพล ระบุว่า เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาก็มีเครื่องมือต่อต้านอากาศยานเช่นกัน ซึ่งในการรบย่อมเกิดความสูญเสียขึ้นได้ อย่างไรก็ตามเมื่อมียุทโธปกรณ์แล้วต้องนำมาใช้

พลเรือตรี จุมพล นาคบัว โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวใช้โดรนในเชิงท่องเที่ยวและสันทนาการนอกพื้นที่หวงห้ามกลางทะเล และพื้นที่อ่อนไหว ก็ยังสามารถดำเนินการได้ แต่การบินโดรนในพื้นที่หวงห้าม เช่น แท่นขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล ห้ามดำเนินการใดๆ ที่จะส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายและอันตราย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความอ่อนไหวเรื่องความไวไฟ หากโดรนหล่นลงไปจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นต่อทรัพย์สิน แท่นขุดเจาะ รวมถึงเรือประมงและเรือท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เข้าไปอยู่ในรัศมี 500 เมตร จากแท่นขุดเจาะน้ำมันด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงขอความร่วมมือไม่ล่องเรือ และไม่บินโดรนเข้าไปในเขตหวงห้ามเหล่านี้ หากฝ่าฝืนและเกิดความเสียหายขึ้น ทั้งเรือที่แล่นเข้าไป และผู้ที่บังคับควบคุมโดรน อาจถูกดำเนินคดีตามความผิดในข้อหาต่าง ๆ เช่น การก่อวินาศกรรม ซึ่งมีบทลงโทษที่รุนแรง ขณะที่การดำเนินมาตรการสกัดกั้นโดรนที่เข้ามาสอดแนมปฏิบัติการในประเทศไทย นั้น กองทัพเรือ ได้จัดกำลังเพื่อเฝ้าระวัง ขณะเดียวกัน ศรชล. ได้สั่งการไปที่จังหวัดชายทะเล เพื่อตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมการนำโดรนออกไปในทะเลอย่างเข้มงวด ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน

พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยถึงการวางแนวทางป้องกันโดรน ของฝ่ายกัมพูชา ที่อาจมีเจตนาในการก่อวินาศกรรมต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่อ่าวไทย ว่าขณะนี้กองทัพอากาศเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแล มาตรการตอบโต้หรือต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ โดยประสานงานกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประสานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อป้องกันการโจมตีจากโดรนที่คาดว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของไทย โดยยืนยันว่าขณะนี้ทุกกองบินมีมาตรการป้องกันโดรนทั้งเชิงรุกและเชิงรับ และประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อป้องกันการบินโดรนในพื้นที่ที่มีโอกาสจะส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง

นาวาอากาศเอก ชนันนัทธ์ รอดกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีสนามบินที่รับผิดชอบทั้งหมด 6 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ท่าอากาศยานภูเก็ต และ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งการปฏิบัติตามการผ่านเข้าออกหรือกฎหมายการบินระหว่างประเทศขององค์การการบินระหว่างประเทศ หรือ ICAO รวมถึงสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เป็นผู้กำหนดกฎหมายการบินระหว่างประเทศ ให้ผู้โดยสารทุกคนที่ต้องเข้าออกผ่านประเทศปฏิบัติตาม บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ขอยืนยันว่า ท่าอากาศยาน AOT ทั้ง 6 แห่ง ไม่มีนโยบายเลือกปฏิบัติต่อผู้โดยสารทุกสัญชาติ โดยดำเนินการภายใต้มาตรฐานด้านความปลอดภัย มาตรฐานการดูแลผู้โดยสาร ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลของโลก

นอกจากนี้ พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีอากาศยานไร้คนขับ (UAV) รุ่น DP-20 ที่ขาดการติดต่อไปคาดว่าน่าจะเสียการควบคุมและตก โดย UAV ดังกล่าว อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา ปัจจุบันอยู่ในขั้นการทดลองใช้และนำมาปฏิบัติการ ซึ่งสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ได้สนับสนุนกองทัพบกในการปฏิบัติทางอากาศ ทั้งนี้ จุดที่สัญญาณขาดหาย คือทางทิศตะวันออกของเมืองปอยเปต ประมาณ 10 กิโลเมตร ส่วนรายละเอียดว่าถูกโจมตีหรือไม่ หรือมีเหตุขัดข้องใด ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบ พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงการตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ในพื้นที่ซำแต จังหวัดศรีสะเกษ โดยทุ่นระเบิดที่พบดัดแปลงมาจากระเบิดดักรถถัง ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการละเมิดพันธกรณีของอนุสัญญาออตตาวาที่กัมพูชาเป็นรัฐภาคีอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังพบเอกสารจดบันทึกพิกัดที่มีการวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ ซึ่งได้เข้าไปพิสูจน์ทราบแล้ว ขณะเดียวกัน ยังพบฐานที่มั่นดัดแปลงแข็งแรงของทหารกัมพูชา ซึ่งเชื่อว่าฐานในลักษณะนี้มีตลอดแนวชายแดน รวมถึงบริเวณเนิน 350 ด้วย จึงเป็นการพิสูจน์ถึงความลำบากของทหารไทยในการรุกคืบเข้าไปในพื้นที่ต่างๆ ในขณะนี้

สำหรับความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า พลเอก ณัฐพล ได้พบกลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทยทุกหมู่เหล่า ในโอกาสองค์การทหารผ่านศึกกำหนดจัดกิจกรรมรวมพลทหารผ่านศึก ตามโครงการ “พลังทหารผ่านศึกเพื่อแผ่นดิน” โดยขอบคุณ พร้อมมอบโอวาทแก่ทหารผ่านศึกทุกหมู่เหล่า เพื่อยกย่องในความเสียสละ ความกล้าหาญ และความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ส่วนสถานการณ์ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงปะทะกันตลอดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยการเปิดฉากยิงอาวุธหนักจากฝ่ายกัมพูชาเข้ามาในดินแดนอธิปไตยไทย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้ไทยจะสามารถควบคุมพื้นที่อธิปไตยไทยไว้ได้หลายพื้นที่แล้ว แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฝ่ายไทยต้องปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง

ส่วนการดูแลประชาชนที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยเฉพาะเด็กที่ยังไม่สามารถเรียนหนังสือได้ตามปกติ นายพิทักษ์ โสตถยาคม ที่ปรึกษาด้านการศึกษาพิเศษและผู้ด้อยโอกาส สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยว่า สพฐ. ได้เร่งระดมความช่วยเหลือ ทั้งเงินบริจาคและสิ่งของจากครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ รวมถึงภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อนำมาจัดเป็นขบวนคาราวาน สพฐ. กระจายไปยัง 6 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว และตราด พร้อมกันนี้ ยังได้รวบรวมสื่อการเรียนรู้ วัสดุอุปกรณ์ และสื่อการศึกษา เพื่อนำไปกระจายยังศูนย์พักพิงและโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้เด็กๆ สามารถเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา และศึกษานิเทศก์ในพื้นที่ลงไปสนับสนุนโรงเรียนและครู เพื่อช่วยดูแลเด็กในศูนย์พักพิงและโรงเรียนโดยรอบ ให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างต่อเนื่อง และเหมาะสมกับสถานการณ์ อีกทั้งยังได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เพื่อพิจารณามาตรการผ่อนปรน ปรับ หรือเลื่อนกำหนดการสอบของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ยืนยันว่าการเรียนรู้ของเด็กจะต้องไม่หยุด ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกหน่วยงานจะร่วมมือและผนึกกำลังกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีคุณภาพ และได้มาตรฐานสูงสุดเท่าที่จะสามารถดำเนินการได้

นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขติดตามความพร้อมของระบบสาธารณสุขและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงชั่วคราวอย่างต่อเนื่อง โดยภารกิจสำคัญคือการสร้างมั่นใจแก่ประชาชนในศูนย์พักพิงให้ได้รับการบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึงและปลอดภัย โดยเฉพาะระบบการส่งต่อผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ขัดแย้งให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้กรมอนามัยได้มีแนวทางการดำเนินงานเชิงรุก โดยมอบหมายให้ศูนย์อนามัย ที่ 7 ขอนแก่น ทำงานร่วมกับศูนย์อนามัย ที่ 10 อุบลราชธานี ด้วยการส่งทีมปฏิบัติการสนับสนุนและรถโมบายคลินิกฝากครรภ์เคลื่อนที่ สามารถตรวจครรภ์และบริการสาธารณสุขพื้นฐานได้ถึงพื้นที่พักพิง ซึ่งกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็กคือกลุ่มที่เปราะบางที่สุด จึงได้นำแนวทางคัดกรองสุขภาพตามระบบการคัดแยกผู้ป่วยมาใช้เพื่อแบ่งระดับความเสี่ยง หากพบหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อนหรือเด็กที่มีอาการเจ็บป่วย จะมีระบบส่งต่อฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง