นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน ชี้แจงกรณีตรวจพบอากาศยานไร้คนขับไม่ทราบฝ่าย บินเข้ามาในรัศมีแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา
กระทรวงพลังงาน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งบนบกและในทะเล ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดร่วมกับผู้รับสัมปทานและผู้รับสัญญาทุกบริษัท พร้อมแจ้งให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในทุกมิติ ทั้งด้านบุคลากร ทรัพย์สิน ยานพาหนะ และการเฝ้าระวังอากาศยานไร้คนขับที่ไม่ทราบแหล่งที่มา ซึ่งอาจรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่แหล่งผลิต
ในช่วงที่ผ่านมา พบเรือไม่ทราบสัญชาติและอากาศยานไร้คนขับเข้ามาใกล้เขตพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย อาทิ แท่นผลิตเอราวัณ แท่นหลุมผลิตในพื้นที่เบญจมาศ แท่นไพลิน แท่นไพลินเหนือ และแท่นหลุมผลิตในพื้นที่ปลาทอง กระทรวงพลังงานจึงได้ประชุมร่วมกับผู้รับสัมปทานและผู้รับสัญญา เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
มาตรการสำคัญประกอบด้วย การเพิ่มการเฝ้าระวังเรือและอากาศยานไร้คนขับในเขตพื้นที่ผลิต การขับไล่เรือที่รุกล้ำพื้นที่ทันทีและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบอากาศยานไร้คนขับให้ประสานกองทัพเรือและกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในทันที การขอความร่วมมืองดส่งผู้ปฏิบัติงานนอกชายฝั่งในช่วงเวลากลางคืน และการจัดทำแผนรองรับเหตุวินาศกรรมทางทะเล เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ปฏิบัติงาน
กระทรวงพลังงานได้จัดตั้งกลุ่มประสานงานและเฝ้าระวังเหตุทางทะเล ร่วมกับผู้รับสัมปทานและผู้รับสัญญา เพื่อรายงานสถานการณ์เป็นรายวัน พร้อมประสานความร่วมมือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพเรือ กรมอุทกศาสตร์ และกรมเจ้าท่า ในการเฝ้าระวังและประกาศให้เรือทุกลำในอ่าวไทยเปิดสัญญาณเรดาร์และระบบ AIS เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ
ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ใดที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตปิโตรเลียม โรงไฟฟ้า หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และกระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมบูรณาการการทำงานกับทุกหน่วยงาน เพื่อรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างเต็มที่
