นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมีนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ร่วมด้วย นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา 7 จังหวัดอย่างใกล้ชิด
สำหรับจังหวัดสระแก้ว ได้เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับกรณีสถานการณ์รุนแรงขึ้น โดยภาพรวมโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้บางส่วน ยังคงมีสถานพยาบาลปิดบริการ 10 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี โรงพยาบาลกันทรลักษ์ และโรงพยาบาลภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ โรงพยาบาลกาบเชิง และโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดสุรินทร์ โรงพยาบาลบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงพยาบาลตาพระยา โรงพยาบาลโคกสูง โรงพยาบาลคลองหาด และโรงพยาบาลอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ขณะที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยังปิดบริการ 180 แห่ง
ปัจจุบันศูนย์พักพิงลดลงเหลือ 848 จุด มีผู้อยู่อาศัยรวม 167,395 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 52,549 คน ยังคงต้องเน้นมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค รวมถึงการปรับปรุงอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงจากอาหารที่เตรียมไว้นานโดยไม่ได้อุ่นร้อน และการใช้น้ำอุปโภคบริโภคที่บางแห่งพบการปนเปื้อน
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งสำรวจเด็กอายุ 9 เดือนถึงต่ำกว่า 5 ปี ในศูนย์พักพิง เพื่อจัดทำทะเบียนเด็กที่ไม่มีประวัติหรือหลักฐานการได้รับวัคซีน และจัดให้ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงและครอบคลุม
ในด้านสุขภาพจิต มีการคัดกรองเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในประชาชน 204,058 ราย พบผู้มีความเครียดสูงสะสม 1,494 ราย และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสะสม 286 ราย ส่วนบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 10,517 ราย พบผู้มีความเครียดสูงสะสม 595 ราย และกลุ่มเสี่ยงสะสม 184 ราย ซึ่งทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจ และมีการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องจนกว่าสภาพจิตใจจะดีขึ้น รวมถึงการดูแลสุขภาพจิตครอบครัวและญาติของทหารที่เสียชีวิตทุกรายอย่างใกล้ชิด








