“คมนาคม” แจง คืบหน้าอุบัติเหตุรถไฟบรรทุกสินค้าชนกับรถโดยสารไม่ประจำทาง จ.ฉะเชิงเทรา

นายพิศักดิ์ จิตวิริยวศิน เปิดเผยว่า จากกรณีการเกิดอุบัติเหตุขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า คอนเทนเนอร์ที่ 852 ดีเซลเลขที่ 5102 ต้นทางสถานีแหลมฉบัง สถานีปลายทางลาดกระบัง (ไอซีดี) ทำขบวนผ่านสถานีคลองบางพระ ขณะทำขบวนก่อนถึงบริเวณป้ายหยุดรถคลองแขวงกลั่น บริเวณทางลักผ่าน กม. 50+031 ซึ่ง รฟท. ได้ติดตั้งป้ายหยุด และสัญญาณไฟเตือนเพื่อช่วยในด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ โดยในช่วงเกิดเหตุ มีรถบัสโดยสารไม่ประจำทางขับผ่านจุดตัดบริเวณดังกล่าว พนักงานขับรถไฟได้ปฏิบัติตามข้อบังคับการเดินรถโดยการเปิดหวูดเตือนก่อนจะถึงจุดตัดเสมอระดับทาง แต่ด้วยระยะที่กระชั้นชิดทำให้ไม่สามารถหยุดขบวนรถได้ทัน จนทำให้เกิดเหตุเฉี่ยวชนรถบัสโดยสารหมายเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวม 19 คน (เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 18 คน เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 คน) มีผู้บาดเจ็บ 44 ราย ขณะนี้ผู้บาดเจ็บเดินทางกลับบ้านแล้ว 31 ราย ส่วนที่เหลือยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพุทธโสธร

การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีข้อสั่งการให้ปลัดกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมการขนส่งทางบก อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล ในส่วนของ รฟท. ได้จัดตั้งศูนย์ one stop service (ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเฉพาะกิจ) ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุบัติเหตุครั้งนี้ อาทิ กรมการขนส่งทางบก จังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย บริษัทประกันภัย โรงพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ รฟท. ช่วยดูแลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่ ในเบื้องต้น รฟท. จะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและช่วยเหลือเงินค่าจัดการงานศพแก่ญาติผู้เสียชีวิต ทั้งนี้สามารถติดต่อประสานงานได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2272 5068 ตลอด 24 ชั่วโมง

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า หัวรถจักรได้รับความเสียหายที่กระจกหน้าแตกร้าว ด้านข้างรถจักรมีรอยด้านข้าง และมีตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ได้รับความเสียหาย 5 ตู้ (ฉีกขาด 1 ตู้ และบุบ 5 ตู้) ส่วนรถบัสเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา ภาษีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 อยู่ระหว่างทำเรื่องการโอนรถ แต่ผู้ประกอบการได้จัดให้มีประกันภัยภาคบังคับกับบริษัทอาคเนย์ประกันภัย ผู้เสียชีวิตได้รับการชดใช้เป็นเงิน 500,000 บาท/คน บาดเจ็บได้รับการชดใช้ 80,000 บาท/คน และมีประกันภัยภาคสมัครใจประเภท 3 กับบริษัทสินมั่นคงประกันภัย คุ้มครองการเสียชีวิต 500,000 บาท/คน รวมแล้วไม่เกิน 10 ล้านบาท

สำหรับแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดรถไฟ กระทรวงคมนาคม ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อติดตามสถานการณ์และร่วมกันพิจารณาขั้นตอน/มาตรการเชิงป้องกัน และการดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนและระยะต่อไป สรุปได้ดังนี้

ระยะเร่งด่วน รฟท. จะเร่งดำเนินการปรับแก้ไขสัญญาณเตือน ณ จุดเกิดเหตุ ให้พร้อมใช้งานภายใน 1 สัปดาห์ และ รฟท.จะเสนอคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟระดับจังหวัด เพื่อพิจารณาติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติ ก่อนเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาอนุญาต และดำเนินการติดตั้งต่อไป พร้อมทั้ง รฟท.ร่วมกับจังหวัดดำเนินการตรวจสอบจุดตัดทางลักผ่านในแนวเส้นทางรถไฟทางคู่และรถไฟทางสามที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูง และประสานหน่วยงานเจ้าของถนนทางผ่าน ก่อนดำเนินการติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติโดยเร่งด่วนเป็นการชั่วคราว

ระยะต่อไป รฟท. ร่วมกับจังหวัดและชุมชน ดำเนินการตรวจสอบจุดตัดทางลักผ่านที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งประสานหน่วยงานเจ้าของถนนทางผ่าน เพื่อพิจารณาจุดตัดที่จะต้องติดตั้งเครื่องกั้นทางรถไฟอัตโนมัติ ส่วนทางลักผ่านขนาดเล็กจะดำเนินการปิด และรวมจุดตัดทางรถไฟโดยก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟ (Collector Road) เพื่อข้ามทาง ณ จุดที่ปลอดภัยแทน

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ของ รฟท. ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและที่จะดำเนินการในอนาคต จะมีการดำเนินการติดตั้งรั้วกั้นสองข้างทางรถไฟ (Fencing) พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟเสมอระดับ ให้เป็นจุดตัดทางรถไฟต่างระดับทั้งหมด สำหรับกรณีรถไฟทางคู่และทางสายใหม่ที่อยู่ในแนวเส้นทางเดียวกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) จะดำเนินการบูรณาการภายใต้ MR-MAP

ทั้งนี้  กรมการขนส่งทางราง อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาเพื่อลดอุบัติเหตุจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ในปี 2564 – 2565 โดยจะดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ (ทั่วประเทศ) แผนปฏิบัติการและแบบรายละเอียดการปรับปรุงกายภาพจุดตัดทางถนนและทางรถไฟที่มีความเสี่ยงจะต้องเร่งดำเนินการ ฐานข้อมูลจุดตัด จัดทำมาตรฐานจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ แนวทางการตรวจสอบความปลอดภัยบริเวณจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ แนวทางการสอบสวนอุบัติเหตุเชิงลึก ตลอดจนแนวทางการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย

จากข้อมูลสถิติ พบว่าปัจจุบันมีจุดตัดทั่วประเทศทั้งสิ้น 2,684 แห่ง แบ่งเป็นจุดตัดต่างระดับ 406 แห่ง เสมอระดับ 2,278 แห่ง โดยจุดตัดเสมอระดับที่ได้รับอนุญาตมีจำนวน 1,657 แห่ง มีเครื่องกั้นแล้ว 1,450 แห่ง มีไฟกระพริบและป้ายสัญญาณเตือน 207 แห่ง และจุดตัดเสมอระดับประเภททางลักผ่าน จำนวน 621 แห่ง โดยมีจุดตัดรถไฟที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนในระหว่างปี 2558- 2562 ที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขจำนวน 35 แห่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง