นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน OTOP CITY 2025 ที่จัดโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ระหว่างวันที่ 20 – 28 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 3 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะทูตานุทูต คณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชน เข้าร่วม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับชมการแสดงชุดพิเศษ “OTOP…Happiness Festival” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเทศกาลแห่งการให้และการแบ่งปันในช่วงปีใหม่ ผ่านสีสัน เสียงดนตรี และการแสดงร่วมสมัย ผสานการแสดงจากวงโยธวาทิตจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้ากุนนที สร้างความประทับใจและปลุกพลังแห่งความสุข พร้อมกล่าวเปิดงานว่า เป็นเวลาหลายปีติดต่อกันที่ได้มีโอกาสมีส่วนร่วมกับงาน OTOP ทั้งในฐานะผู้เปิดงานหรือแม้แต่ในฐานะลูกค้า โดยของประดับที่บ้านถือเป็นที่เชิดหน้าชูตาเมื่อผู้มาเยือนต่างถามว่าได้มาจากที่ใด ซึ่งของต่าง ๆ ล้วนมาจากงาน OTOP ทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มามีส่วนร่วมในงาน OTOP City 2025 ครั้งนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) มาโดยตลอด เนื่องจากสินค้า OTOP ในปัจจุบันได้ก้าวขึ้นมาเป็นเสมือนแบรนด์หลักแบรนด์หนึ่งของประเทศไทยแล้ว แค่เพียงเอ่ยคำว่า “OTOP” ผู้คนจะนึกถึงความเป็นไทย คุณภาพ ความประณีต และรายละเอียดที่ใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิตจนก่อให้เกิดความประทับใจ ซึ่งคุณค่าดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเครื่องประดับ เสื้อผ้า หรือชิ้นงานเชิงศิลปะเท่านั้น หากแต่สะท้อนอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ที่คนไทยสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แบรนด์ OTOP
อย่างไรก็ตาม เมื่อแบรนด์ได้รับการยอมรับและติดตลาดแล้ว ความท้าทายที่สำคัญต่อไป คือ การรักษาคุณภาพ การคงไว้ซึ่งความประทับใจของผู้บริโภคและท้ายที่สุด คือ การสร้างความแปลกใหม่ ความน่าสนใจ หรือเรื่องราวใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกตื่นเต้นและติดตามผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นโจทย์สำคัญของการเป็น “Champion” และเป็นความท้าทายของการรักษาความเป็นผู้นำ ซึ่งเชื่อมั่นว่าสามารถทำได้
ทั้งนี้เป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนสินค้า OTOP คือ การสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนสมาชิกในชุมชน อันจะนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้แสดงศักยภาพให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของไทย ขอให้กรมการพัฒนาชุมชน และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตระหนักถึงความท้าทายของการรักษาแชมป์ไว้ ซึ่งเราจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คิดโจทย์ใหม่อยู่ตลอดเวลา และไม่ย่ำอยู่กับที่จึงจะสามารถรักษาความเป็นแชมป์ของสินค้า OTOP ไทยไว้ได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางความเหน็ดเหนื่อยและความตึงเครียดจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติจากธรรมชาติ หรือสถานการณ์ความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตามเรายังมีงาน OTOP City ซึ่งถือเป็นพื้นที่แห่งการผ่อนคลาย เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ออกมาร่วมกิจกรรมดีๆ ร่วมกัน
การซื้อสินค้า OTOP ไม่ได้เป็นเพียงการจับจ่ายใช้สอยเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างแท้จริง เป็นการช่วยอุดหนุนสินค้าของประชาชนจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนทั้ง 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด จันทบุรี บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และสระแก้ว โดยทั้ง 7 จังหวัดนี้ ล้วนเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพหลากหลาย ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวันจำนวนมาก ดังนั้นการจัดงาน OTOP City ครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากจากสถานการณ์ดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ภายในงานยังได้จัดพื้นที่พิเศษให้กับผู้ผลิตจากจังหวัดที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ดังนั้นขอเชิญชวนทุกคนใช้โอกาสนี้ ร่วมกันแสดงพลังน้ำใจช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเพราะแทบ ไม่มีโอกาสใดที่จะสามารถรวบรวมสินค้าคุณภาพจากทั่วประเทศมาให้ทุกคนได้เลือกชม เลือกซื้อ และนำไปใช้ประโยชน์
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสัปดาห์นี้ ถือเป็นช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี จึงขอใช้โอกาสอันเป็นมงคลนี้ อวยพรปีใหม่ล่วงหน้าให้ปีพุทธศักราช 2569 ที่กำลังจะมาถึง เป็นปีที่ดีที่สุดของคนไทยทุกคน ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัย และมีความผาสุกโดยทั่วหน้ากัน
สำหรับการจัดงาน OTOP City 2025 นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในปีนี้กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Heaven’s Gift A Legacy of Giving ของขวัญจากฟ้า สานคุณค่าสู่ปวงชน” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นดั่ง “แสงจากฟ้า” ที่ส่องนำให้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ความวิจิตรของหัตถศิลป์ไทย และทักษะของชาวบ้านในชุมชนต่างๆ กลับมามีชีวิต มีคุณค่า กลายเป็นพลังทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินค้า OTOP ให้กับประชาชน รัฐบาลได้สนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถใช้สิทธิ์โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ในการเลือกซื้อสินค้า OTOP ภายในงาน OTOP CITY 2025 ได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน กระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่ และส่งเสริมให้มีเงินหมุนเวียนกลับสู่ผู้ประกอบการและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยงานปีนี้ตั้งใจออกแบบให้เป็นพื้นที่แห่งความสุข ที่อบอวลไปด้วยสีสัน ความสนุก จากการได้เลือกซื้อหาของขวัญของฝากจากชุมชนทั่วไทยกว่า 2,500 ร้านค้า มีโซน Highlight ที่น่าสนใจ อาทิ
โซนของขวัญของฝาก ซึ่งรวบรวมผลิตภัณฑ์ OTOP คุณภาพระดับ 1–5 ดาว ทั้ง 5 ประเภท ครบทั้งผ้าไทย งานหัตถกรรม ของใช้ ของตกแต่งบ้าน และของขวัญพรีเมียม ที่มีดีไซน์ เหมาะสำหรับเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคน
ทุกเพศทุกวัย
โซนจัดแสดง 8 ชุดไทยพระราชนิยม ที่ถ่ายทอดความวิจิตร งดงาม และคุณค่าทางวัฒนธรรมไทยอย่างสง่างาม
โซนหมู่บ้าน OTOP นวัตวิถี นำเสนอวิถีชุมชนและมนต์เสน่ห์ท้องถิ่นให้ผู้เข้าชมได้เก็บภาพความประทับใจ โซนยอดนิยม OTOP ชวนชิม ที่รวบรวมร้านอร่อยจากทุกภูมิภาค อาหารพื้นบ้านรสจัดจ้าน เมนูเด็ด เมนูดัง
โซนจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม และผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ชายแดน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงพลังน้ำใจผ่านการเลือกซื้อสินค้า OTOP อาทิ อาหารแปรรูป สินค้าเกษตร งานหัตถกรรม สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร จากชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
รายได้จากการจำหน่ายจะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูอาชีพ สร้างรายได้ และเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนสามารถกลับมายืนหยัดได้ สะท้อนเจตนารมณ์ของการจัดงานในปีนี้ที่มุ่งเน้นการ “ให้และแบ่งปัน” ควบคู่กับการสร้างความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ การจัดงานครั้งนี้นอกจากส่งเสริมช่องทางการตลาดและเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตผู้ประกอบการได้มาจำหน่ายสินค้าถึงมือผู้บริโภคโดยตรงแล้ว ยังมีการเปิดเวทีพัฒนาศักยภาพของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ด้วยการร่วมกับบริษัทชั้นนำด้านการจำหน่ายสินค้าออนไลน์และโมเดิร์นเทรด จัดคอร์สฝึกอบรมและเปิดเวทีในการแลกเปลี่ยนและพัฒนาศักยภาพด้านการผลิตและการจำหน่ายสินค้า เพื่อให้เกิดการศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับผู้ประกอบการ ยกระดับทั้งคุณภาพสินค้า และยกระดับศักยภาพผู้ผลิตผู้ประกอบการอีกด้วย ทั้งนี้กรมการพัฒนาชุมชน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 100,000 คน มียอดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ








