นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมรวมพลังปราบนอมินี บัญชีม้า เสริมภูมินักบัญชีไทย รู้ทันธุรกิจผิดกฎหมาย (Professional Skepticism of Illegal Businesses)” ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คณะผู้บริหาร ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี สำนักงานบัญชี สมาคมวิชาชีพ และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวม 17 หน่วยงาน เข้าร่วมกว่า 1,625 ราย
ระบบนอมินีและบัญชีม้าสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างรุนแรง ไม่ใช่ปัญหาไกลตัว แต่กระทบทุกภาคส่วน การรวมพลังของนักบัญชีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการยกระดับการป้องกันประเทศจากภัยเศรษฐกิจ โดยเน้นย้ำว่านักบัญชีถือเป็น “ต้นทาง” สำคัญที่สามารถสกัดกั้นปัญหาได้ตั้งแต่เริ่มต้น หากมีความรู้ ความตระหนัก และร่วมมือกันอย่างจริงจัง
รูปแบบการกระทำผิดของมิจฉาชีพมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทุกภาคส่วนจึงต้องปรับตัวและรู้เท่าทันเช่นเดียวกัน การอบรมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบธุรกิจไทยอย่างยั่งยืน
สำหรับการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรอย่างใกล้ชิด และในช่วงเทศกาลปีใหม่ เตรียมมาตรการเข้มข้น “ของขวัญปีใหม่ให้มิจฉาชีพ” ผ่าน 4 คำสั่ง และ 2 ประกาศ เพื่อปิดช่องโหว่ตั้งแต่ต้นทาง อาทิ การนำข้อมูลผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 13 ล้านราย และข้อมูลบัญชีม้ากว่า 90,000 ราย มาคัดกรองการจดทะเบียนนิติบุคคล หากพบความเสี่ยงจะเรียกตรวจสอบตัวตนและหลักฐานทางการเงิน รวมถึงตรวจสอบการใช้ที่อยู่ซ้ำซ้อน โครงสร้างกรรมการที่ผิดปกติ และการยืนยันตัวตนผู้เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังออกประกาศให้ผู้รับหน้าที่จดทะเบียนบริษัทต้องขึ้นทะเบียนแสดงตัวตน และให้ผู้รับรองการจดทะเบียนต้องเห็นตัวจริงและยืนยันตัวตนผ่านระบบ เพื่อยกระดับความโปร่งใส ลดโอกาสการแอบอ้าง ทั้งนี้ ประเทศไทยมีนักบัญชีกว่า 80,000 ราย และสำนักงานบัญชีกว่า 7,000 แห่ง แต่มีสำนักงานบัญชีที่อยู่ในสมาคมบัญชีคุณภาพเพียง 191 ราย จึงเชิญชวนสำนักงานบัญชีเข้าร่วมสมาคมบัญชีคุณภาพ เพื่อเสริมทักษะ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และร่วมกันปกป้องระบบธุรกิจไทย ไม่สนับสนุนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย อันจะช่วยรักษาความเชื่อมั่นของระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว








