มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้การเลือกตั้งปี 2569 การแข่งขันพรรคการเมืองรุนแรง คาดเงินหาเสียงสะพัด

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า  การเลือกตั้งในปี 2569 จะมีการแข่งขันของพรรคการเมืองจะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากหลายพรรคตั้งเป้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายเพื่อการหาเสียง การลงพื้นที่และกิจกรรมทางการเมืองจำนวนมาก คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 40,000–60,000 ล้านบาท ช่วยพยุงเศรษฐกิจช่วงต้นปี 2569 ให้ขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 2 หากภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง

ส่วนประเด็นเศรษฐกิจยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการหาเสียง โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ เช่น นโยบายเงินโอน หรือโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งอาจถูกนำมาใช้ในช่วงไตรมาส 2 เพื่อรองรับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลก การส่งออกที่ชะลอตัวและแรงกดดันจากสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม เตือนว่าการใช้นโยบายประชานิยมต้องคำนึงถึงภาระหนี้สาธารณะและความยั่งยืนทางการคลัง

อีกประเด็นที่ถูกหยิบยกอย่างชัดเจนคือ การต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งถูกมองว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยประเทศไทยยังมีคะแนนดัชนีคอร์รัปชันในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย เวียดนามและอินโดนีเซีย การยกระดับความโปร่งใส การใช้เทคโนโลยีและการลดการผูกขาด จึงเป็นปัจจัยจำเป็นในการดึงดูดการลงทุนระยะยาว

ขณะเดียวกัน พรรคการเมืองต่างๆ ให้ความสำคัญกับการดึงคนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาท ทั้งในฐานะผู้สมัครและทีมกำหนดนโยบาย เพื่อสะท้อนโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอัปสกิล-รีสกิลแรงงาน การพัฒนาเทคโนโลยี ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการรับมือความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งส่งผลต่อภาคธุรกิจและเกษตรกรรมโดยตรง

นอกจากนี้ ยังประเมินว่า หากรัฐบาลใหม่สามารถสร้างเสถียรภาพทางการเมืองเข้ากับนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน โปร่งใสและเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และต้องสร้างโอกาสผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2569 ให้แตะระดับมากกว่าร้อยละ 3-5  ได้ แต่ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับทิศทางการเมืองหลังการเลือกตั้งและคุณภาพของนโยบายที่ถูกนำไปปฏิบัติจริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง