นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรม การค้าภายใน ดำเนินการจัดโครงการ “พาณิชย์ลดราคา New Year Mega Sale 2026” ตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการลดภาระค่าครองชีพให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ร่วมสนับสนุนเกษตรกร และผู้ประกอบการไทย โดยการดำเนินโครงการในครั้งนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และห้างโมเดิร์นเทรดเข้าร่วมมากกว่า 180 ราย รวมถึงผู้ให้บริการด้านต่างๆ อีกกว่า 70 ราย พร้อมแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ รวมกว่า 250 ราย นำสินค้ามาจำหน่ายและจัดโปรโมชั่นรวมแล้วกว่าหมื่นรายการ ลดราคาสูงสุดมากกว่า 80% เพื่อร่วมกันช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ซึ่งมีการจำหน่ายที่กระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 23-25 ธันวาคม 2568 และขยายมาตรการลดราคาสินค้าและบริการทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 40 วัน จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่เปราะบาง โดยได้เชิญชวนผู้ประกอบการจาก 7 จังหวัดพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ เข้าร่วมออกร้านภายในงาน อาทิ ผลิตภัณฑ์เนื้อโคจากจังหวัดบุรีรัมย์ รวมถึงสินค้าจากพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและช่วยสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ให้มีรายได้ในสถานการณ์ช่วงปัจจุบันนี้ อีกทั้งยังมีการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรจากแหล่งผลิตโดยตรงมาจำหน่าย โดยเฉพาะปลากะพงสามน้ำ จากจังหวัดสงขลา หอมแดงศรีสะเกษ ซึ่งนำมาเปิดบูธจำหน่ายเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้เกษตรกร หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา ช่วยให้เกษตรกรสามารถระบายผลผลิตและเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง และเตรียมนำสินค้าเข้าร่วมจำหน่ายในงานธงฟ้าทุกแห่ง ตามแนวคิด “ไทยช่วยไทย ซื้อของไทย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน” ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยโครงการ “พาณิชย์ลดราคา New Year Mega Sale 2026” ตั้งเป้าช่วยลดค่าครองชีพประชาชนไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2569 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้จัดกิจกรรมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยเปิดให้บริการและงดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ และโบราณสถานที่อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรทุกแห่ง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวม 2 วัน ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2569 ทั้งนี้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศจะนำพระพุทธรูปมงคลโบราณที่มีประวัติความเป็นมาและสร้างขึ้นตามคติอันเป็นมงคล มาประดิษฐานให้พุทธศาสนิกชนสักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในวาระแห่งการเริ่มต้นศักราชใหม่ โดยเฉพาะพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ได้อัญเชิญพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร มาประดิษฐานให้ประชาชนได้สักการบูชา ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2568 – 4 มกราคม 2569
อีกทั้งยังได้จัดโครงการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานยามราตรี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมบรรยากาศโบราณสถานอันสวยงามยามค่ำคืน พร้อมสัมผัสวิถีไทยกับกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 26 – 28 ธันวาคม 2568 สัมผัสความงดงามของโบราณสถานวังหน้าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และโบราณวัตถุล้ำค่า ในบรรยากาศยามค่ำคืนอันแสนพิเศษ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และเปิดให้ชมความวิจิตรงดงามของเรือพระราชพิธี มรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าแห่งสายน้ำในยามค่ำคืน และเที่ยวชมงาน “พระนครคีรีราตรีประดับดาว” (Phranakhonkhiri Starry Night) ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์พิมายยามราตรี Phimai Night Light Up ปีที่ 3 ชมการประดับไฟแสงสีสุดอลังการ ครอบคลุมทุกพื้นที่ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา ทุกวันศุกร์ – วันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ตลอดเดือนธันวาคม 2568 และเดือนมกราคม 2569 และกิจกรรม “อยุธยานาวา เมืองท่านานาชาติ ร่มพระบารมีสิริยาลัย” ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2569 ณ วัดไชยวัฒนาราม วัดพระราม และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยในคืนข้ามปี วันที่ 31 ธันวาคม 2568 จะมีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ณ วัดไชยวัฒนาราม เพื่อความเป็นมงคลเนื่องในโอกาสปีใหม่
อีกทั้ง นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้แถลงข่าว “ของขวัญปีใหม่ อว. เพื่อประชาชน 2569” เพื่อมอบให้ประชาชนและเยาวชน แบ่งเป็น
7 กล่อง ได้แก่
กล่องที่ 1 “ทุนการศึกษาเท่าเทียม ลดเหลื่อมล้ำ พร้อมสร้างคนรองรับอนาคตกว่า 1 หมื่นทุน”
เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและความเสมอภาคทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำให้กับเด็กและเยาวชน พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองกว่า 10,000 ทุน อาทิ
1. ทุนลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาส (7,900 ทุน) กลุ่มทุนนี้มุ่งเน้นการกระจายโอกาสสู่เยาวชน
ในพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มเปราะบางประกอบด้วยทุนเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล 3,173 ทุนทุนปริญญาตรีในประเทศ (5 จังหวัดชายแดนภาคใต้) 2,324 ทุนทุนคนพิการ 2,000 ทุนทุนสานฝันการกีฬา (จังหวัดชายแดนภาคใต้) 355 ทุน และทุนเรียนดีแต่ยากจน 80 ทุน
2. ทุนเด็กเรียนดีและกำลังคนเฉพาะทาง (2,800 ทุน) มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรและนักวิจัยเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ประกอบด้วยทุนรัฐบาลด้าน ว. และ ท. 1,026 ทุน ทุนโคเซ็น (KOSEN) 987 ทุน ทุนสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) 523 ทุน ทุนมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 261 ทุน ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์ 7 ทุน
3. ทุนสาขาเร่งด่วนแห่งอนาคต สนับสนุนการพัฒนาทักษะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ Semiconductor & Advanced Electronics, AI & EV และ Soft Power (อาหาร ท่องเที่ยว กีฬา)
กล่องที่ 2 : “อว. แคร์ รวมพลังฟื้นฟูชุมชน” จะมีการจัดตั้ง “ศูนย์บริการเพื่อชุมชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย” กว่า 55 จังหวัด ใน 2,522 ตำบล/เทศบาล โดยให้มหาวิทยาลัยในพื้นที่จัดอบรม Upskill – Reskill ให้กับประชาชน บริการ Fix It ที่จะให้บริการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ซ่อมยานพาหนะ ซ่อมเครื่องจักรการเกษตร
ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบไฟฟ้า บริการพิเศษชุมชน ทั้งการฟื้นฟูสุขภาพจิต และฟื้นฟูสุขภาพกาย คาดว่าจะมีประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์รวมกว่า 26,190 คน
กล่องที่ 3 “Upskill – Reskill เปลี่ยนความรู้เป็นอาชีพ เปลี่ยนทักษะเป็นอนาคต” จัดให้มีบริการวิชาการ/ฝึกอบรมหลักสูตร Upskill-Reskill ให้ประชาชนในพื้นที่ให้บริการของวิทยาลัยชุมชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น การจัด Upskill – Reskill ให้กับผู้ว่างงาน บุคคลวัยทำงาน นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไป โดยเน้นหลักสูตร Future Skill หรือทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 กว่า 50 หลักสูตร
กล่องที่ 4 : “ให้บริการทางวิทยาศาสตร์ทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดค่าบริการและให้บริการฟรี
เพื่อผู้ประกอบการ” เช่น จัดโครงการ AI คนละครึ่ง ช่วยสนับสนุนค่าใช้บริการ AI 50% ที่พัฒนาโดยคนไทยให้กับบริษัทเจ้าของนวัตกรรมในเวลาไม่เกิน 1 ปี ลดค่าบริการการใช้เทคโนโลยีการฉายรังสีคุณภาพสูงตั้งแต่
50% – 70% เปิดบริการประเมินระดับความพร้อมของโรงงานอุตสาหกรรมแบบออนไลน์ เพื่อยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมสู่ 4.0 ได้ฟรีทันที ที่ https://www.nstda.or.th/i4platform/
กล่องที่ 5 : “เปิดโลกการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศ ฟรี!” เปิดเข้าชม Futurium ศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต และส่วนลด 50% ค่าเข้าร่วมกิจกรรมใน Innovation World และ Job World วันที่ 31 ธันวาคม 2568 – 4 มกราคม 2569 เปิดเข้าชมนิทรรศการดาราศาสตร์ฟรี ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ขอนแก่น และหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา วันที่ 31 ธันวาคม 2568 – 4 มกราคม 2569
กล่องที่ 6 “วิจัย & พัฒนาเพื่อชุมชน” สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบเตาเผาไบโอชาร์ ลดฝุ่น PM2.5 ให้ 20 ชุมชนภาคเหนือ ติดตั้งโซลาร์เซลล์ 5 กิโลวัตต์ ให้ 50 ชุมชนฟรี
กล่องที่ 7 : “เปิดจุดบริการประชาชน พักกาย สบายใจ รับปีใหม่ 69” ม.พิษณุโลก เปิดจุดบริการประชาชน บริเวณถนนสายพิษณุโลก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก บริเวณหน้าวิทยาลัยอาชีวศึกษาพณิชยการพิษณุโลก มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เปิดบริการฝังเข็มเสริมสุขภาวะ สร้างสมดุลรับปีใหม่ให้ประชาชนฟรี
ที่สถานพยาบาลการแพทย์แผนจีน
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้าโครงการ “ตำรวจร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัย บ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)” ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 5 มกราคม 2569 เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่เดินทางไปต่างจังหวัดและไม่มีใครอยู่บ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่
โครงการ “ฝากบ้าน 4.0” เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ แอปพลิเคชัน ฝากบ้าน 4.0 (OBS) หรือแจ้งที่ สถานีตำรวจในพื้นที่ โดยสิ่งที่ควรเตรียมก่อนฝากบ้าน ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน และกรอกแบบฟอร์มยืนยัน (แนบภาพถ่ายบ้าน) จัดเก็บทรัพย์สินมีค่าในที่ปลอดภัย ตรวจสอบไฟฟ้า เทียน แก๊ส และความเรียบร้อยของประตู–หน้าต่าง ตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ประสานเพื่อนบ้านช่วยเป็นหูเป็นตา ติดตามการอัปเดตรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากกลับล่าช้าเกินเวลาที่แจ้งไว้ กรุณาแจ้ง สน./สภ. ท้องที่เมื่อเดินทางกลับถึงบ้าน ให้แจ้งตำรวจเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย
ขอเชิญชวนประชาชนใช้บริการ “ฝากบ้านกับตำรวจ 4.0” เพื่อเพิ่มความอุ่นใจตลอดการเดินทางช่วงปีใหม่ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน โทร. 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง








