4 กระทรวง ลงนาม MOU แก้ปัญหาเผาอ้อยและฝุ่น PM2.5 เน้นมาตรการเชิงรุกระดับพื้นที่ บังคับใช้กฎหมายควบคู่เทคโนโลยีดิจิทัล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมี นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นสักขีพยาน

การลงนามในครั้งนี้มีผู้บริหารระดับปลัดกระทรวง 4 กระทรวงร่วมลงนาม ได้แก่ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ไขปัญหาการเผาพืชผลทางการเกษตรและมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งทวีความรุนแรงจากปัจจัยด้านฤดูกาล สภาพอากาศปิด และหมอกควันข้ามพรมแดน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในวงกว้าง รัฐบาลจึงมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมยกระดับมาตรการควบคุมการเผาเศษซากทางการเกษตรอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาเห็นผลเป็นรูปธรรมจากสถิติการเผาและปริมาณฝุ่นที่ลดลงอย่างชัดเจน

การลงนาม MOU ครั้งนี้เป็นการแสดงพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนนโยบายสีเขียวของรัฐบาล เพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์ให้ประชาชน พร้อมย้ำว่าจากนี้จะบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยกระดับการทำงานให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 จากการเผาอ้อยส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตประชาชน กระทรวงมหาดไทยจึงใช้กลไกในระดับพื้นที่ ตั้งแต่จังหวัด อำเภอ ตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ควบคู่การรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่เกษตรกรและชุมชน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างยั่งยืน

นายณัฐพล รังสิตพล กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จะกำกับดูแลให้เกษตรกรและโรงงานน้ำตาลปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่งเสริมการตัดอ้อยสด การใช้ประโยชน์จากใบและยอดอ้อย รวมถึงสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดการเผาในภาคการผลิต

ขณะที่ ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล กล่าวว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้ติดตามจุดความร้อน วิเคราะห์เชิงพื้นที่ และคาดการณ์การแพร่กระจายของฝุ่น PM2.5 เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนายพชร อนันตศิลป์ กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาระบบติดตาม แนวโน้มการเผาอ้อย และระบบเตือนภัยล่วงหน้า สนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายอย่างแม่นยำและทันท่วงที

ทั้งนี้ การลงนาม MOU ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อบูรณาการความร่วมมือเชิงนโยบาย เชิงพื้นที่ และเชิงเทคโนโลยี ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อลดการเผาอ้อยและปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นระบบ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง