สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย GDP ภาคเกษตร ปี 2568 ขยายตัว 3.3% จากผลผลิตพืชและปศุสัตว์เพิ่มขึ้น แต่ยังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รายงานภาวะเศรษฐกิจการเกษตร (GDP ภาคเกษตร) ปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 3.3 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 730,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2567 สอดคล้องกับสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอ นโยบายส่งเสริมการผลิตและรักษาเสถียรภาพราคาของภาครัฐ การบริหารจัดการแปลงและฟาร์มที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตดังกล่าวยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในแต่ละปี เนื่องจากยังมีแรงกดดันจากภัยธรรมชาติ โรคศัตรูพืช มาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มงวด ความขัดแย้งระหว่างประเทศในหลายภูมิภาค ตลอดจนความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิต

สำหรับสาขาพืช ขยายตัวร้อยละ 4.6 จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นเกือบทุกชนิด อาทิ ข้าวนาปรัง ข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน ยางพารา มังคุด ปาล์มน้ำมัน และทุเรียน จากการขยายพื้นที่เพาะปลูกเป็นหลัก ยกเว้นมันสำปะหลังที่ยังหดตัว ขณะที่ด้านราคาอยู่ในภาวะผันผวน ปรับขึ้นลงเล็กน้อย ส่งผลให้ราคายังไม่อยู่ในระดับที่ดีนัก

ด้านปศุสัตว์ ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.5 เป็นการเติบโตเชิงปริมาณตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของไก่เนื้อ ไข่ไก่ สุกร และน้ำนมดิบ แต่ยังเผชิญแรงกดดันจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อป้องกันโรคระบาด ขณะที่โคเนื้อหดตัว เนื่องจากเกษตรกรไม่ขยายการผลิตและเลิกเลี้ยงจากภาวะขาดทุน

สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัวร้อยละ 2.6 ตามการขยายพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ส่วนสาขาป่าไม้ ขยายตัวร้อยละ 1.3 จากความต้องการไม้ยูคาลิปตัส ถ่านไม้ และรังนกในตลาดที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ภาคประมงหดตัวร้อยละ 1 จากการลดลงของกุ้งขาวแวนนาไม ปลานิล ปลาดุก รวมถึงสัตว์น้ำที่ขึ้นท่าเทียบเรือทั้งหมด เนื่องจากเกษตรกรต้องเผชิญภาระต้นทุนอาหารสัตว์นำเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ ในด้านประสิทธิภาพการผลิต ผลผลิตต่อไร่โดยรวมยังไม่เติบโตเท่าที่ควร ส่งผลต่อกำไรของเกษตรกร ทำให้รายจ่ายครัวเรือนยังอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือสูงกว่ารายรับ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่าเป็นบทเรียนสำคัญของภาคเกษตรในการเร่งลงทุนด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตต่อไร่ การบริหารจัดการต้นทุน และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการปรับตัวต่อมาตรฐานการค้าด้านสิ่งแวดล้อมและการขึ้นภาษี

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2569 คาดว่าจะยังได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนสำคัญที่เพิ่มขึ้น การดำเนินนโยบายและมาตรการพัฒนาด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการเจรจาการค้าเพื่อขยายตลาดส่งออกและหาตลาดใหม่ คาดว่า GDP ภาคเกษตรจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.0–3.0 ซึ่งต่ำกว่าปี 2568 เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังมีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก ผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวน มาตรการกีดกันทางการค้า นโยบายภาษีนำเข้าข้าวของสหรัฐ และความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง