พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ที่จะเข้าสู่การประชุมของรัฐสภาวันนี้ (1 ธ.ค.63) มีจุดมุ่งหมาย เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยแสดงเจตจำนง การออกเสียงประชามติโดยอิสระ ปราศจากการครอบงำ โดย พ.ร.บ.ฉบับนี้ 66 มาตรา มีความสำคัญ คือ เป็นบทส่งท้ายของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ต้องผ่านความเห็นชอบต่อการออกเสียงประชามติ ก่อนจะมีผลบังคับใช้ต่อไป และ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังน่าจะเป็นทางออกในหลายๆ ปัญหาเพื่อหาข้อยุติได้
เปิดสาระสำคัญ ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ…(ฉบับรัฐบาล) 66 มาตรา
-กกต. มีอำนาจ-หน้าที่ จัดควบคุมการออกเสียง
-กรณี ครม. ขอให้ออกเสียงประชามติ ต้องไม่ขัดแย้งต่อ รธน.นายกฯประกาศในราชกิจจาฯ
-ออกเสียงทั้งโดยตรงและลับ คะแนนที่จะถือว่ายุติ ก็ต่อเมื่อมีผู้ออกเสียงเป็นจำนวนเสียงข้างมาก และมีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียง
-กกต. เผยแพร่เนื้อหา โดยไม่ชี้นำ จัดให้มีการแสดงความคิดเห็นรอบด้าน ทั้งวิทยุ ทีวี
-กกต.กำหนดออกเสียงประชามตินอกเขตได้
-เปิดช่องคัดค้านการออกเสียงประชามติต่อ กกต.ได้ กรณีไม่สุจริต
-ทำลายบัตรออกเสียง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่น กรณีเป็นจนท. จำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่น -2 แสนบาท
-ขัดขวางการออกเสียงประชามติ ก่อความวุ่นวาย โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีปรับ 2 หมื่น – 2 แสนบาท
-สื่อไม่เป็นกลาง โทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท /เผยแพร่ผลสำรวจก่อนออกเสียง 7 วัน โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-กรณีศาลพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ. ผู้นั้นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการออกเสียงในหน่วยนั้นด้วย