นางสาวกุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีผลกระทบจากคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่าง ๆ แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการเยียวยาที่ชัดเจน เพื่อลดผลกระทบจากคำสั่งปิดกิจการชั่วคราวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุด จำนวน 28 จังหวัดนั้น เป็นการบริหารจัดการเพื่อควบคุมการระบาดและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 โดยได้ยกระดับมาตรการในการควบคุมการระบาดของโรค เช่น การจำกัดเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการ การปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และการขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เป็นต้น โดยเป็นแนวทางในการดูแลด้านสาธารณสุขที่เหมาะสมกับสถานการณ์และทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้

ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจและด้านสาธารณสุขไปพร้อม ๆ กัน โดยมีนโยบายทางการเงินและนโยบายทางการคลังที่พร้อมดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการระบาดอย่างใกล้ชิด และอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ที่เหมาะสมต่อไป
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงการคลังจะมีมาตรการเยียวยาด้วยการแจกเงินจำนวน 4,000 บาท เพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ไม่เป็นความจริง

โฆษกกระทรวงการคลัง ยืนยันด้วยว่าภาครัฐมีแหล่งเงินมากเพียงพอสำหรับการเยียวยา ทั้งในส่วนของเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นและรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 จำนวนกว่า 1.39 แสนล้านบาท และเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ในส่วนที่เหลือ จำนวน 4.7 แสนล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2563) และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 2.9 แสนล้านบาท ที่จะดูแลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ต่อไป