จากที่ “เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน” เรียกร้องรัฐบาลให้มีมาตรการเยียวยาแรงงานที่ชัดเจน เพียงพอ และครอบคลุม โดยเฉพาะแรงงานในระบบประกันสังคม มาตรา 33 จำนวน 11 ล้านคน ที่ไม่ได้รับสิทธิในโครงการเราชนะ เนื่องจากมองว่าลูกจ้างกลุ่มดังกล่าว ได้รับผลกระทบ ทั้งจากการต้องหยุดงาน เพื่อกักตัวหรือเฝ้าระวังการระบาดของโรค โดยที่ไม่ได้รับค่าจ้าง บางส่วนนายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการ เนื่องจากทางราชการมีคำสั่งให้ปิดสถานที่

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงว่า สำนักงานประกันสังคมมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกันตนมาตรา 33 ดังนี้ 1) ลดอัตราเงินสมทบ เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกันตนมาตรา 33 ในการจ่ายเงินสมทบ จากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 3 (มกราคม 2564) และร้อยละ 3 เหลือร้อยละ 0.5 (กุมภาพันธ์-มีนาคม 2564) 2) ออกกฎกระทรวงให้ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย หากลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตน ไม่ได้ทำงาน และไม่ได้รับค่าจ้าง ระหว่างสถานประกอบการปิดตามคำสั่งของหน่วยงานของรัฐ ลูกจ้างจะได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน ตลอดระยะเวลาที่มีคำสั่งปิด รวมกันไม่เกิน 90 วัน

3) หากผู้ประกันตน ตรวจพบโควิด-19 ผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และเข้ารักษาใน รพ.ตามสิทธิประกันสังคม รวมถึงได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เนื่องจากถูกกักตัว และหยุดงานเพื่อรักษาตัว โดยประกันสังคมจะจ่ายเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างไม่เกิน 90 วันต่อครั้ง และ 4) เพิ่มสิทธิการตรวจคัดกรองเชิงรุกในสถานประกอบการ สำหรับจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

ด้านนาย สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาให้ความช่วยเหลือในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มเติมแก่แรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่มีอยู่ราว 11 ล้านคน โดยเตรียมหารือกับ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงการคลัง ถึงรูปแบบและวิธีการช่วยเหลือ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากเป็นอีกกลุ่มที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วง และให้เร่งหาวิธีการช่วยเหลือ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแรงงานกลุ่มดังกล่าว