“สถาบันพระมหากษัตริย์” อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน กว่า 700 ปี ตั้งแต่ สมัยสุโขทัย อยุธยา กรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยมีความแตกต่างสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศอื่นๆ ด้วยหลักการปกครอง “แบบพ่อปกครองลูก” ความผูกพันระหว่างกษัตริย์กับประชาชนจึงใกล้ชิดและต่อเนื่อง
สถาบันพระมหากษัตริย์ให้อะไรกับสังคมไทย ?
“บ้านเมืองที่เรามีอยู่ทุกวันนี้ ตั้งแต่สุโขทัย อาจจะมีบางยุคเจริญ บางยุคเสื่อมถอย แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์และความร่วมมือร่วมใจของประชาชน ยุคไหนเจริญก็ร่วมกันพัฒนาชาติไทย ยุคไหนเสื่อมถอย กษัตริย์และประชาชนร่วมกันกอบกู้บ้านเมือง จนถึงทุกวันนี้ “
ตั้งแต่ช่วงรัตนโกสินทร์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช องค์ปฐมมหาจักรี รัชกาลที่ 1 มีแนวทางทางพระราชดำริ ที่ว่า “ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา ป้องกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนและมนตรี”
จวบจนถึงพระปฐมบรมราชโองการ รัชกาลที่ 10 “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
มีความสอดคล้อง พระราชดำรินั้น ก็ยังคงอยู่และเชื่อว่าจะดำเนินต่อไป

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ สมาชิกวุฒิสภา
สมาชิกวุฒิสภาในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ การพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เคลียร์คัด ชัดเจน” ทางสถานีโทรทัศน์ NBT [2 มี.ค.2564]