องค์การเภสัชกรรม ยืนยัน รัฐเปิดทางให้เอกชนจัดหาวัคซีนได้ แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบริษัทผู้ผลิตวัคซีนกำหนด

จากกรณีที่ “กลุ่มหมอไม่ทน” ขอให้ผู้สนับสนุนลงชื่อในแคมเปญ “หยุดเตะถ่วงวัคซีนทางเลือก ก่อนสายพันธุ์อินเดียระบาด” ผ่านเว็บไซต์ Change.org นั้น

เภสัชกรหญิงศิริกุล เมธีวีรังสรรค์ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และโฆษกองค์การเภสัชกรรม ชี้แจงว่า วัคซีนทางเลือกเป็นวัคซีนที่นอกเหนือจากวัคซีนที่อยู่ในแผนการจัดซื้อของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งประชาชนสามารถได้รับการฉีดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนวัคซีนทางเลือกนั้น องค์การเภสัชกรรมได้ร่วมมือกับโรงพยายาลเอกชน โดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น โดยวัคซีนยี่ห้อที่จะจัดหามาในช่วงแรกนี้คือโมเดอร์นา ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนไปเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 64 ที่ผ่านมานี้ ทั้งนี้ ยังต้องมีรายละเอียดในการดำเนินการจัดหาอีกหลายขั้นตอน และอยู่ในระหว่างที่สมาคมโรงพยาบาลเอกชนรวบรวมจำนวนความต้องการเบื้องต้นก่อนดำเนินการในขั้นตอนต่อไป โดยการฉีดวัคซีนทางเลือกนี้ ผู้รับบริการจะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่โรงพยาบาลเอกชนเอง

รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวด้วยว่า การจัดซื้อวัคซีนทางเลือกนั้น มีเงื่อนไขการขายของผู้ผลิตวัคซีนในต่างประเทศ ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐของประเทศผู้ซื้อวัคซีน เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อและบริหารจัดการตามแนวทางของการขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ Conditional Approval for Emergency Use ซึ่งในส่วนวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นานี้ ผู้ผลิตต้องการให้ภาครัฐเป็นผู้ดำเนินการ องค์การเภสัชกรรมจึงเข้ามาร่วมดำเนินการ ส่วนยี่ห้ออื่นนั้นขึ้นกับเงื่อนไขการขายของผู้ผลิตว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะให้หน่วยงานรัฐเป็นผู้ดำเนินการเช่นกัน ไม่ได้มีการปิดกั้นช่องทางการนำเข้าวัคซีนทางเลือกผ่านโรงพยาบาลเอกชน หรือภาคเอกชนอื่น ๆ แต่อย่างใด

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ซึ่งขึ้นอยู่กับรายการกิจกรรมต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดำเนินงานของแต่ละยี่ห้อ อาทิ ค่าจัดส่ง ค่าคลังจัดเก็บ ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และอื่น ๆ นอกจากนั้นจะเป็นค่าบริหารจัดการของแต่ละโรงพยาบาลเอง ซึ่งจะมีการกำหนดราคาควบคุมที่เป็นมาตรฐาน ในระดับที่สมเหตุสมผล สำหรับเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ก็เป็นไปตามกลไกของระบบภาษีของประเทศ ไม่ได้มีการคิดซ้ำซ้อน ซึ่กรมสรรพากรได้ชี้แจงรายละเอียดแล้ว ส่วนเรื่องปริมาณที่จะสั่งซื้อนั้น สมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้คาดการณ์ว่าในเบื้องต้นนี้จะสั่งซื้อประมาณ 5 ล้านโดส

รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดซื้อวัคซีนนั้น จะมีคณะกรรมการหลัก ๆ อยู่ 2 คณะ ประกอบด้วย คณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะกำหนดแนวทางในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 สำหรับใช้ในสถานพยาบาลของรัฐ และวัคซีนทางเลือกเพื่อนำมาให้บริการในสถานพยาบาลเอกชน โดยให้มีการจัดหาวัคซีนจากหลายบริษัท เพื่อฉีดให้กับประชาชนเพิ่มเติม และอีกคณะคือ คณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพื่อประชาชนไทย จะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาจัดหาในรายละเอียดข้อเสนอทางเลือกเชิงนโยบาย เจรจาต่อรองกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดหาวัคซีนจากผู้ผลิตทั้งในและต่างประเทศ และองค์การเภสัชกรรมจะรับนโยบายและมติจากที่ประชุมของคณะทำงานและคณะกรรมการดังกล่าว มาดำเนินการภายใต้ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเป็นระยะให้สาธารณชนรับทราบข้อมูล


ข่าวที่เกี่ยวข้อง