นายกฯ แถลง “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา” ย้ำสนับสนุนให้เด็กไทยได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม

วันนี้ (16 ส.ค.64) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าว “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา” ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ผ่านระบบ VDO Conference โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านการศึกษา เข้าร่วมการแถลงข่าว

กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน รวมถึงผู้เรียนในทุกระดับชั้น ให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมถ้วนหน้า โดยคำนึงถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ปกครองนักเรียน รวมถึงครูที่เป็นด่านหน้าในการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียน จึงได้ออกมาตรการลดภาระทางการศึกษา เพื่อเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ทั่วประเทศ รวม 3 มาตรการ ได้แก่

มาตรการที่ 1 การจ่ายเงิน “เยียวยานักเรียน” ทุกคนทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท

โดยผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวน ต่อนักเรียน 1 คน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ. ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. อาทิ โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนทุกสังกัดที่เปิดสอนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ซึ่งมีอยู่ราว 11 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 22,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับภายในวันที่ 31 สิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนนี้

มาตรการที่ 2 อินเทอร์เน็ตฟรีสำหรับการเรียน

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้การสนับสนุนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์สำหรับการเรียนออนไลน์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเป็นนักเรียนในระดับชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษา สังกัด สพฐ. รวมถึงนักเรียนนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา และสังกัด กศน. ที่มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ จำนวน 3.6 ล้านคน รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ในช่วงระหว่างวันที่ 15 สิงหาคมถึง 15 ตุลาคม 2564 (2 เดือน) โดยสนับสนุนใน 2 รูปแบบ คือ แบบที่ 1 ช่วย Top-up แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือให้เบอร์ที่นักเรียนใช้เรียนออนไลน์ ทั้งระบบเติมเงินและรายเดือน สามารถใช้งานแอปพลิเคชันเพื่อการเรียนการสอนได้แบบไม่จำกัด อาทิ Microsoft Teams, Google Meet, ZOOM, Cisco Meeting, WebEx และ Line Chat พร้อมอินเทอร์เน็ตอีก 2GB สำหรับการใช้งานอื่น ๆ และแบบที่ 2 ช่วยจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตบ้าน โดยหักจากบิลค่าบริการ เดือนละ 79 บาท (ยังไม่รวม VAT) เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกรับสิทธิได้อย่างใดอย่างหนึ่ง และรับได้ 1 คนต่อ 1 สิทธิ

มาตรการที่ 3 การลดภาระงานครูและนักเรียน

โดยให้ครูลดการรายงานและโครงการต่าง ๆ ให้คงไว้เฉพาะที่จำเป็น ส่วนนอกเหนือจากนี้ให้ชะลอไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น รวมถึงลดการประเมินต่าง ๆ ทั้งที่เป็นงานของหน่วยงานภายในและภายนอก ให้เหลือ 3 โครงการ หรือ 1% จากเดิมที่มี 72 โครงการ หรือ 32% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนของครูให้มากขึ้น ขณะที่การลดภาระนักเรียน เพื่อให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ต้องเรียนอย่างเต็มที่ ให้ครูและผู้ปกครองร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ โดยให้การบ้านเท่าที่จำเป็น เน้นหลักฐานการเรียนรู้มากกว่าการสอบ เช่น ภาระงาน การบ้าน พฤติกรรมของนักเรียน เป็นต้น รวมถึงการนับเวลาเรียนรูปแบบใหม่ ที่จะนับเวลาเมื่อนักเรียนเกิดการเรียนรู้ เช่น การเรียนออนไลน์ การทำการบ้าน หรือการออกกำลัง ซึ่งการนับเมื่อเกิดการเรียนรู้จะช่วยลดความตึงเครียด ให้ครูและนักเรียนได้จัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ต้องเรียนผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 นั้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนเป็นการเรียนการสอนทางไกล ให้นักเรียนเรียนที่บ้าน ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะผู้ปกครองมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาและไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สำหรับโรงเรียน นักเรียน ผู้ปกครอง ตลอดจนบุคลากรทางการศึกษา ทั้งมาตรการทางการเงิน อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอน และอินเทอร์เน็ตฟรีสำหรับการศึกษา

แม้จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ผู้เรียนจะต้องไม่พลาดโอกาสในการเรียนรู้ โดยรัฐบาลได้มีนโยบายสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนไทยได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมกับทั้งได้มีการปรับรูปแบบการเรียนรู้ ที่ไม่ได้มุ่งเน้นแต่เฉพาะเรื่องของความรู้ แต่ต้องสามารถจะนำองค์ความรู้ต่าง ๆ เหล่านั้นไปประยุกต์กับการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพให้ได้ในภายภาคหน้าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพัฒนารูปแบบการศึกษาให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ ให้นักเรียนได้รับอุปกรณ์การศึกษา ระบบอินเทอร์เน็ตที่จำเป็นต่อการศึกษาที่บ้าน เพื่อให้เด็กไทยได้รับการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอให้ทุกคนปลอดภัย สำเร็จในการทำงาน มีกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข็ง และอวยพรให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จ บรรลุผลตามเจตจำนงที่วางไว้ทุกประการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งเด็ก เยาวชนของไทย และผู้ปกครองที่วาดหวังว่าลูกหลานจะเจริญเติบโตได้ในอนาคต มีความรู้ความสามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง