ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. พบว่าการยกเลิก Test & Go ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อนยกเลิก โดยเฉลี่ยเข้ามาวันละ15,000-18,000 คน ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่ 1 มกราคม – 22 พฤษภาคม 2565 เข้ามาในไทยแล้ว 1,016,103 คน หากเทียบเฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 2,368% มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 1,424% นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยช่วงไตรมาสแรกมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รัสเซีย 51,360 คน เยอรมันนี 38,359 คน สหราชอาณาจักร 37,712 คน ฝรั่งเศส 29,855 คน และสหรัฐเมริกา 23,315 คน
ตั้งแต่ 1 มิถุนายนนี้ จะมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ เดินทางเข้าประเทศไทยไม่ต้องกักตัวทุกรูปแบบ คนไทยไม่ต้องลงทะเบียน Thailand Pass แต่ชาวต่างประเทศยังต้องลงทะเบียนอยู่ ทาง ททท. คาดว่า จะทำให้การเดินทางเข้าประเทศกลับสู่ภาวะปกติ จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยในอัตราเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จนอาจทำให้การท่องเที่ยวกลายเป็นกลไกสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 ได้
ท่องเที่ยวกลไกลสำคัญฟื้นเศรษฐกิจจากโควิด-19
จากนโยบายของรัฐบาลที่ให้ขยายระยะเวลาปีท่องเที่ยวไทย หรือ Visit Thailand Year เพิ่มอีก 1 ปี เป็น 2565 – 2566 นโยบายดังกล่าวนำมาซึ่งการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 ลงหลายประการ อย่างการยกเลิก test &? go ตั้งแต่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้น เฉลี่ยวันละ 15,000-18,000 คน และตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ เปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ ไม่มีการกักตัวทุกกรณี คนไทยไม่ต้องลงทะเบียน Thailand Pass แต่ชาวต่างชาติยังต้องลงทะเบียนอยู่ พร้อมเปิดสถานบันเทิงพวก ผับ บาร์ คาราโอเกะ ในพื้นที่สีเขียวและสีฟ้าได้แล้ว น่าจะเป็นส่วนสำคัญช่วยดึงนักท่องเที่ยวทั้งด้านจำนวนและเม็ดเงินที่นักท่องเที่ยวนำมาใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้นได้อีก
โดยในส่วนของการเปิดสถานบันเทิงยามค่ำคืน ทางนายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร สง่า เรืองวัฒนกุล เชื่อว่า หากเปิดได้ทั่วประเทศทุกจังหวัดกลุ่มสี ถึงเวลา 2 นาฬิกาของแต่ละวัน โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงไฮซีซันเดือนกันยายนเป็นต้นไป จะทำให้เกิดการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น เงินจะสะพัด 3-4 แสนล้านบาท ผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นเป็นลูกโซ่ จากการจ้างงานแรงงานในสถานบันเทิง นักร้องนักดนตรี ผู้จำหน่ายเครื่องดื่มและอาหาร ผู้ให้บริการขนส่งนักท่องเที่ยว และภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
สัญญาณจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการที่มีเป้าหมายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทยอยกลับมาเปิดให้บริการกันอีกครั้งอย่างคึกคัก ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า รวมถึงเอนเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ ซึ่งนั่นหมายถึงการจ้างงาน การบริโภค การผลิตสินค้าและการให้บริการ กลับมาเพิ่มขึ้น ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยเฉพาะแรงงาน ทั้งแรงงานภาคการท่องเที่ยวโดยตรง เช่น กลุ่มขนส่ง, กลุ่มของที่ระลึก, อาหาร, ทัวร์ ภาคอุตสาหกรรมที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม และภาคบริการอื่นๆ เช่น ธุรกิจการเงิน โดยทั้ง 3 ภาค มีแรงงานรวมเกือบ 10 ล้านคน ก็จะได้ประโยชน์จากการจ้างงานที่มีมากขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการจะมีรายได้มากขึ้น จากการขายและให้บริการ ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวได้ดีและเร็วขึ้น
รัฐบาลกระตุ้นท่องเที่ยว มุ่งกลับสู่จุดสูงสุดก่อนเกิดโควิด-19
ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อปี 2562 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 40 ล้านคน นำมาซึ่งรายได้ราว 2 ล้านล้านบาท เมื่อบวกกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีรายได้ราว 1 ล้านล้านบาท ทำให้ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของจีดีพี
ส่วนปีแห่งการท่องเที่ยวไทย หรือ Visit Thailand Year ระหว่างปี 2565 – 2566 ทางรัฐบาลมีแผนจะนำการท่องเที่ยวเป็นกลไกหลักในการฟื้นเศรษฐกิจ โดยผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยุทธศักดิ์ สุภสร บอกว่า ได้แบ่งตลาดนักท่องเที่ยวเป็น 2 กลุ่มคือ ตลาดระยะไกล ได้แก่ ยุโรป และอเมริกา คาดว่าช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น ตั้งเป้ามากกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน ส่วนตลาดระยะสั้น ได้แก่ อินเดีย และประเทศที่มีพรมแดนติดไทย สามารถเดินทางเข้า-ออกไทยได้สะดวกขึ้น รวมถึงประเทศแถบตะวันออกกลาง เป็นอีกกลุ่มที่ไทยเล็งเห็นศักยภาพในการใช้จ่ายและพยายามดึงเข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่ส่วนมากยังกลับมาท่องเที่ยวในไทยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คาดหวังกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีน จะกลับมาคึกคักช่วงปลายปีและต่อเนื่องถึงตรุษจีนปีหน้า โดยปี 2565 นี้ ททท. ตั้งเป้าจะต้องกระตุ้นให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ 10 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้รวมกว่า 1.8 ล้านล้านบาท
“ททท.ตั้งเป้าหมายการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยปี 2565 ไตรมาสแรกเห็นโรงแรมที่พักทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพัก 50% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 28% ซึ่งเป็นจุดวิกฤติที่ทำให้โรงแรมที่พักได้จุดคุ้มทุน พร้อมการฟื้นตัวของอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ให้ได้ไม่น้อยกว่า 70% ภายใต้การฟื้นตัวของปริมาณที่นั่งผู้โดยสาร (Capacity) ของเที่ยวบินในประเทศที่ 50% เมื่อเทียบกับปี 2562 ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริป ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 62,580 บาท แต่ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้พบว่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 77,000 บาท ก่อนจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ที่จะสร้างรายได้รวมของช่วงปีแห่งการท่องเที่ยวไทย หรือ Visit Thailand Year ระหว่างปี 2565 – 2566 ที่ 2.4 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 50% เมื่อเทียบกับยอดเกือบ 40 ล้านคนเมื่อปี 2562 และจะมีนักท่องเที่ยวไทยใกล้เคียงปี 2562 จำนวน 172 ล้านคน-ครั้ง”
หากพิจารณาตัวเลขแนวโน้มของนักท่องเที่ยวและยอดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเป้าหมายของ ททท. แล้ว พอสรุปได้ว่าต้องใช้เวลาราว 2ปี ถึงจะฟื้นฟูการท่องเที่ยวในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ครึ่งหนึ่งของปี2562 ที่เป็นห้วงเวลาก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 อย่างไรก็ตามหากความพยายามของภาครัฐเกิดสัมฤทธิ์ผลเกินเป้า อย่าง มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่มีกำลังซื้อสูง หรือนักท่องเที่ยวจากอินเดียที่เป็นเป้าหมายหนึ่งเข้ามาไทยได้มากเกินเป้า หรือเกิดจากปัจจัยนักท่องเที่ยวจีนสามารถกลับเข้ามาท่องเที่ยวไทยได้มากขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ของจีนในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว ก็เป็นไปได้ที่จะใช้เวลาน้อยกว่า 2 ปี ที่จะไปถึงจุดครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้นของปี 2562 รวมทั้งเศรษฐกิจภาพรวมของไทยจะฟื้นตัวได้ดีและเร็วขึ้นก็เป็นไปได้เช่นกัน