เป้าหมาย ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาไทยในปีนี้ให้ได้ประมาณ 10 ล้านคน เพื่อให้เกิดรายได้ราว 1.5 ล้านล้านบาท ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิดและสงครามรัฐเซีย-ยูเครน ดูแนวโน้มถึงขณะนี้แล้วมีสิทธิไม่น้อยที่จะไปถึงเป้าหมาย โดยเฉพาะตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่ต่างชาติเข้ามาในไทยช่วง 7 เดือนแรกของปีมีมากกว่า 3 ล้านคน เฉพาะเดือนกรกฎาคมที่เริ่มยกเลิกระบบThailand Pass ทั้งหมด ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยกว่า 1.2 ล้านคน นับเป็นเดือนแรกที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเกิน 1 ล้านคน ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด
เวลาที่เหลือของปีนี้อีกราว 5 เดือน หากเทียบอัตราเท่ากับเดือน ก.ค.คือมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 1.2 ล้านคน/เดือน ก็จะมีตัวเลขทั้งปีใกล้เคียงเป้าหมาย 10 ล้านคน และหากนำช่วงไฮซีซั่นที่น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นกว่าปกติ รวมถึงการเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล กรณีสื่อหรือหน่วยงานในต่างประเทศที่จัดอันดับการท่องเที่ยวของไทยอยู่ในอันดับต้นๆของโลกในหลายด้าน และการที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมAPEC น่าจะเป็นปัจจัยบวกที่จะผลักดันให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เกินเป้าได้
รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิดต่อเนื่อง ยอด7 เดือนแรก นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 3 ล้านคน
สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 31 ก.ค. มีจำนวนสะสมอยู่ที่ 3,150,303 คน สามารถสร้างรายได้ 1.57 แสนล้านบาท ประเทศที่เดินทางมาไทยมากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 425,289 คน อินเดีย 333,973 คน สิงคโปร์ 183,716 คน สหราชอาณาจักร 161,780 คน และสหรัฐอเมริกา 146,891 คน
จากสถิติดังกล่าว หากแยกเป็นรายเดือนจะเห็นการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเดือนที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศดังนี้
- มกราคม มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 140,621 คน
- ก.พ. เพิ่มมาเป็น 154,813 คน
- มีนาคม เพิ่มมาเป็น 211,092 คน
- เมษายน เพิ่มมาเป็น 297,365 คน
- พฤษภาคม ทางรัฐบาลได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ประกาศยกเลิกระบบ Test & Go มีผลตั้งแต่ 1 พ.ค.ทำให้ตลอดทั้งเดือนพฤษภาคมมียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งมาอยู่ที่ 532,177 คน
- มิถุนายน รัฐบาลยกเลิกระบบการกักตัวทุกรูปแบบสำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทย และผู้เข้าประเทศที่เป็นคนไทยไม่ต้องผ่านการลงทะเบียนระบบ Thailand Pass แต่ชาวต่างชาติยังต้องลงทะเบียน มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย. ทำให้ทั้งเดือน มิ.ย. ยอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพุ่งมาอยู่ที่ 788,258 คน
- กรกฎาคม รัฐบาลยกเลิกการลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass ทั้งหมด ทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่ต้องลงทะเบียน ทำให้ทั้งเดือน ก.ค. มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1,210,000 คน ทะลุหลัก 1 ล้านคนเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่พบการระบาดโรคโควิด-19 ในไทยเมื่อต้นปี2563
เมื่อดูทิศทางการเพิ่มของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในตลอด 7 เดือนแรกแล้ว มีแนวโน้มสูงที่เดือนต่อๆไปตัวเลขนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีก หรืออย่างน้อยไม่ต่ำกว่าเดือนกรกฎาคม หากไม่มีปัจจัยด้านลบเข้ามาแทรก
เทียบเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวต่อเดือนก็ใกล้เคียงเป้า 10 ล้านคนแล้ว
หากพิจารณาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนกรกฎาคม ที่มีถึง 1,210,000 คน เวลาที่เหลือของปีนี้ราว 5 เดือน โดยในแต่ละเดือนจากนี้อยู่บนแนวโน้มและการคาดการณ์ว่าแต่ละเดือนจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 1,210,000 คน(ไม่น้อยกว่าเดือน ก.ค.) จึงได้สูตรประมาณการ 1,210,000 × 5 = 6,050,000 คน เมื่อนำมารวมกับยอดสะสม 7 เดือนแรกที่ 3,150,303 คน จะได้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีอยู่ที่ 9,200,303 คน ใกล้เคียงกับเป้าหมาย 10 ล้านคนแล้ว
ปัจจัยบวกด้านอื่นอาจทำให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเกินเป้า 10 ล้านคน
ทั้งนี้ตัวเลขประมาณการกว่า 9.2 ล้านคนดังกล่าว ยังไม่รวมปัจจัยบวกอื่นอีกหลายด้าน เช่น
ฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่นของปี ช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม โดยปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยมากกว่าช่วงอื่น จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยสูงกว่าเดือนกรกฎาคม(1.2ล้านคน) ที่เป็นเดือนนอกฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
รัฐบาลผลักดันท่องเที่ยวต่อเนื่อง นอกจากเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิดอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รัฐบาลมีมาตรการอีกหลายอย่าง เช่น ประกาศให้ปีนี้ 2565 และปีหน้า 2566 เป็น “ปีส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย” หรือ Visit Thailand Year โดยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาปรับเปลี่ยนแผนงานโครงการต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมและมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น จัดให้มีแผนการส่งเสริมการตลาดในประเทศกลุ่มเป้าหมาย จัดกิจกรรม Roadshow Thailand 2023 เพื่อรองรับและกระตุ้นนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในอนาคต การปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
สื่อและองค์กรต่างประเทศจัดอันดับท่องเที่ยวไทยในอันดับต้นๆของโลก ในหลายด้านและมีออกมาต่อเนื่อง อาทิ
- Airbnb แพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังระดับโลกด้านการจองที่พัก เผยผลการค้นหาที่พักของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีการค้นหาที่พักในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 180% เมื่อเปรียบเทียบระหว่างไตรมาส 1 ของปีที่ผ่านมากับปีนี้ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้ง นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีข้อได้เปรียบ เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในการทำงานทางไกลและมีจำนวนของDigital Nomad (คนที่ทำงานทางไกลผ่านระบบออนไลน์และท่องเที่ยวไปด้วย) เพิ่มมากขึ้นทำให้การเข้าพักระยะยาวเพิ่มสูงขึ้น (การเข้าพัก 28 วันหรือมากกว่า) โดยนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี ค้นหาที่พักเพื่อเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด
- นิตยสาร DestinAsian จัดให้กรุงเทพฯเป็นอันดับ1 เมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบมากที่สุด (Best City) ในการท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิค และจัดให้ภูเก็ต และ เกาะสมุย เป็นเกาะที่ดีอันดับ 3 และ 4 ในภาคการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
- William Russell เว็ปไซต์ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการประกันสุขภาพ ชีวิตและรายได้ ใน 160 ประเทศทั่วโลก จัดให้เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ของไทย เป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการ Workation (ทำงานพร้อมพักผ่อนท่องเที่ยวไปด้วยกัน) อันดับ1 ของโลก ประจำปี2565 โดยใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนด้านค่าใช้จ่ายรายเดือนสำหรับการเช่าอพาร์ทเมนต์ ความเร็วอินเทอร์เน็ต ความปลอดภัย ความสนุกสนาน
- Visa Global Travel Intentions Study ฉบับ5 พ.ค. 2565 ชี้ว่า นักท่องเที่ยวทั่วโลก เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว ที่พวกเขาอยากมามากที่สุดเป็นอันดับ 4 รองจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และอินเดีย โดยจังหวัดหรือเมืองยอดนิยมในไทยที่ชาวเน็ตค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวผ่านระบบออนไลน์มากที่สุดคือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และหัวหิน
- เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ทราเวล โพรเทกชั่น (Berkshire Hathaway Travel Protection) เผยผลสำรวจของชาวอเมริกันถึงรายงานสถานะการประกันภัยการเดินทาง พบว่า ประเทศไทยติดอันดับ 8 ของโลก เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ให้คะแนนด้านความปลอดภัยในการเดินทางมากที่สุด ถือเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ส่วนในภูมิภาคอาเซียน ไทยเป็นอันดับ 1
- บริษัทที่ปรึกษาระหว่างประเทศด้านการจัดประชุม GainingEdge เผยรายงานวิจัยประจำปี “Leveraging Intellectual Capital” เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาพบว่า กรุงเทพฯ ยืน1 ในฐานะเมืองที่มีบุคลากรในสมาคมระหว่างประเทศใช้บทบาทช่วยดึงงานประชุมนานาชาติเข้าสู่ประเทศสูงสุด ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมAPEC 2022 หรือ การประชุมความร่วมมือเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 21 เขต ซึ่งจัดการประชุมมาแล้วตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสจนถึงระดับรัฐมนตรีของแต่ละเขตเศรษฐกิจ และที่สำคัญสุดคือการประชุมระดับผู้นำ หรือเรียกว่า การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ ทำให้ไทยถูกจับจ้องจากทั่วโลก เพราะเป็นการประชุมระดับโลก อาจมีผู้นำจากประเทศมหาอำนาจโลก อย่าง จีน สหรัฐฯ รัสเซีย หรือผู้นำจาก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย แคนาดา ฯ เข้าร่วม โดยการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลกดังกล่าว น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้ามาในไทยได้มากขึ้นด้วย
ปัจจัยบวกเหล่านี้ ทั้งการเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล สื่อและองค์กรในต่างประเทศจัดอันดับการท่องเที่ยวไทยด้านๆต่างให้อยู่ในอันดับต้นๆของโลก ช่วงไฮซีซั่น ที่มักมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาไทยมากขึ้นกว่าช่วงปกติ และการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC จึงคาดว่าเวลา 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาในไทยเฉลี่ยแล้วมากกว่าเดือนละ 1.2 ล้านคน หรือมากกว่ายอดเดือน ก.ค.ที่ยังเป็นช่วงเวลานอกไฮซีซั่น ดังนั้นหากนำยอดรวมประมาณการ 5 เดือนสุดท้ายไปรวมกับยอดสะสม 7 เดือนแรก อาจได้เห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาในไทยทั้งปีเกินเป้า ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตั้งไว้ที่ 10 ล้านคน ก็เป็นไปได้