นายสุทิน แก้วพนา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินครู เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ที่ประชุมได้สรุปการจัดกิจกรรมมหกรรมไกล่เกลี่หนี้สินครู ประจำปีการศึกษา 2565 ที่จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้ โดยมหกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมนำร่องเพื่อขยายผลไปทั่วประเทศ ซึ่งจุดประสงค์หลักของการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ครูในครั้งนี้ต้องการไกล่เกลี่ยกรณีผู้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เช่น กรณีปิดบัญชีชำระเฉพาะเงินต้น ให้ยกเว้นดอกเบี้ยผิดนัดทั้งจำนวน ยกเว้นดอกเบี้ยค้างชำระ 50% กรณีผ่อนชำระ ซึ่งอยู่ในรูปแบบชำระงวดรายเดือน ระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ยลด 3% จากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเป็นเวลา 3 ปีจากนั้นใช้อัตราดอกเบี้ยตามสัญญา ตั้งพักดอกเบี้ยค้างชำระและยกเว้นดอกเบี้ยค้างชำระ 50% เมื่อชำระหนี้สิ้นเสร็จสิ้นในงวดสุดท้ายของสัญญา เป็นต้น รวมถึงยังมีการปลดภาระผู้ค้ำประกัน โดยรับชำระเงินต้นคงเหลือโดยแบ่งชำระเท่ากันตามจำนวนผู้ค้ำประกันและชำระดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 10% ยกเว้นค่าใช้จ่ายอื่น นอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้างหนี้กับสหกรณ์หรือสถาบันการเงินอื่นๆด้วย ทั้งนี้จากการจัดมหกรรมดังกล่าวมีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ โดยครูได้รับการไกล่เกลี่ยแก้ปัญหาถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ครูได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ให้มีเงินเดือนเหลือสุทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 และครูได้รับคำปรึกษาแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี
รองปลัดศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ครูนั้นเราตั้งเป้ากลุ่มถูกฟ้องร้องของลูกหนี้ธนาคารออมสินเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ซึ่งมีเป้าหมายลูกหนี้ของธนาคารออมสินภาพรวมทั้งประเทศตั้งแต่ผู้กู้และผู้ค้ำประกันประมาณ 20,000 กว่าราย โดยในจังหวัดกำแพงเพชรมีเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 100 กว่าราย และความสำเร็จของจังหวัดกำแพงเพชรในการแก้ไขปัญหาหนี้ครูนั้นกลุ่มผู้ถูกฟ้องดำเนินการได้รับการแก้ไขปัญหาได้ 100 กว่าราย เหลือยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้นอีก 4 ราย เนื่องจากมีปัญหาของผู้กู้และผู้ค้ำนัดมาไกล่เกลี่ยเวลาไม่ตรงกัน ซึ่งได้มอบหมายให้สถานีแก้หนี้ครูของจังหวัดไปดำเนินการต่อ อย่างไรก็ตามมหกรรมไกล่เกลี่หนี้ครูถือเป็นส่วนสำคัญให้สถานีแก้หนี้ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานำไปเป็นโมเดลแก้ปัญหาหนี้ครูให้แก่ลูกหนี้ทุกกลุ่มในอนาคต อย่างไรก็ตามศธ.จะจัดกิจกรรมมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ครู 4 ภูมิภาคปลายเดือนต.ค.นี้เพื่อขยายผลต่อไปและเดือยพ.ย.จะดำเนินการให้ครบทุกจังหวัด