นายอนันต์ ศรีผุดผ่อง หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานว่า สัตวแพทย์ประกอบด้วย สพ.ญ.กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สอป.สบอ.3 (บ้านโป่ง) สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก และน.สพ.อนุรักษ์ สกุลพงษ์ นายสัตวแพทย์ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 (ประทับช้าง) รายงานการดูแลลูกช้างป่า ยังมีอาการอ่อนเพลีย ถ่ายเหลวบ่อยครั้ง ไม่มีแรงลุกนั่ง ยืน ต้องให้เจ้าหน้าที่พยุงตัวช่วย และได้ทำการให้สารน้ำเข้าทางหลอดเลือดดำและใต้ผิวหนัง ทำการปรับเปลี่ยนสูตรการให้นม โดยให้กินน้ำต้มข้าวร่วมด้วย ปรับลดมื้อของการให้นมลง (รอดูผลการปรับเปลี่ยน) ทำการให้ยาฆ่าเชื้อแบบกิน ให้วิตามินแบบกิน และทำการให้ยาลดกรดในระบบทางเดินอาหาร เข้าทางหลอดเลือดดำ ลูกช้างป่ายังมีอาการหอบหายใจในบางครั้ง ทำการให้ออกซิเจนทุกครั้งที่มีการหอบหายใจ เช็คระดับกลูโคสในกระแสเลือดทุก 3 ชั่วโมง และทำการเจาะเก็บเลือดเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม
สำหรับผลการตรวจเชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้างชนิด EEHV ไม่พบเชื้อ (ห้องปฏิบัติการ คณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน) โดยมี สพ.ญ.ลาดทองแท้ มีพันธุ์ สัตวแพทย์จากมูลนิธิพระคชบาล เข้าร่วมประเมินอาการและร่วมวางแนวทางการรักษาเพิ่มเติมกับทีมสัตวแพทย์
ทีมสัตวแพทย์สรุปว่า ลูกช้างป่า (ธันวา) มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร ในเรื่องของการดูดซึมของนมที่ให้ การเจริญเติบโตของแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร ทีมสัตวแพทย์ จึงปรับสูตรการให้นมใหม่ โดยให้น้ำต้มข้าวเพิ่มเติมทดแทน และตัดมื้อนมให้ลดลง เพื่อลดการถ่ายเหลว ซึ่งทำให้สัตว์สูญเสียอิเล็กโทรไลต์ มีผลอย่างมากต่อร่างกาย
ในส่วนของแนวทางการรักษาของทีมสัตวแพทย์ ทีมสัตวแพทย์ได้ทำการปรึกษาถึงอาการและแนวทางการดูแลรักษาเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแล/รักษา จากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านช้าง (หน่วยงานภายนอกและภาคเอกชน) ได้แก่ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ มูลนิธิพระคชบาล โรงพยาบาลสัตว์เนินพลับหวาน พัทยา และทีมสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ยังคงต้องดูแลลูกช้างป่า (ธันวา) อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง