กรมพัฒน์ฯ แจง ต่างชาติประกอบธุรกิจขายอาหาร-เครื่องดื่มในไทย ต้องได้รับอนุญาตก่อน หากฝ่าฝืนมีโทษ!

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารย่านเยาวราชที่กังวลต่อชาวจีนรุ่นใหม่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวทำธุรกิจเข้ามาลงทุนในไทย โดยใช้นอมินีหรือมีเพียงวีซ่านักท่องเที่ยวเข้ามาประกอบธุรกิจหลากหลายประเภทในย่านเยาวราช เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าขาย ฯลฯ ที่อาจกระทบต่อรายได้เม็ดเงินต่าง ๆ กระจายสู่ท้องถิ่นน้อยลง และผู้ประกอบการไทยจะประสบปัญหาในระยะยาว รวมไปถึงการใช้จ่าย ซึ่งจะใช้จ่ายผ่านระบบของจีนระหว่างคนจีนกับคนจีนด้วยกัน อีกทั้งยังสามารถเปิดบัญชีได้ แต่ไม่ทราบว่า ปลายทางของเงินจะกลับไปอยู่ที่ประเทศต้นทางของเขาหรือไม่ สิ่งที่เห็นชัดคือ ไม่ต้องเสียภาษีเหมือนกับนักธุรกิจชาวไทย

ประเด็นดังกล่าว นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชี้แจงว่า คนต่างชาติถือวีซ่านักท่องเที่ยว แต่เข้ามาประกอบธุรกิจร้านอาหารในไทยไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ห้ามคนต่างชาติทำ หากต้องการประกอบธุรกิจขายอาหาร หรือเครื่องดื่มในไทยต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวก่อน จึงจะประกอบธุรกิจได้ อีกทั้งยังมีมาตรการป้องปรามและตรวจการกระทำในลักษณะนอมินี ดังนี้

  • กำหนดให้มีการจดทะเบียน โดยให้คนไทยที่ร่วมลงทุนในนิติบุคคลต้องแสดงหลักฐานที่ธนาคารออกให้ เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินที่แสดงว่า มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะลงทุนในนิติบุคคลได้
  • เมื่อจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว จะตรวจสอบว่า มีการใช้คนไทยถือหุ้นแทน หรือเป็นนอมินีเพื่อหลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืนประกอบธุรกิจควบคุมตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือไม่ โดยตรวจสอบบุคคล หรือนิติบุคคลใดกระทำความผิดตามกฎหมาย หรือมีคนไทยให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่หลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืนกฎหมายที่เข้าข่ายความผิดนอมินีนั้น ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนที่แสดงว่า คนไทยมีพฤติกรรมตั้งใจ ปกปิด อำพราง หรือมีการจัดทำเอกสารหลักฐานในลักษณะอำพรางในการให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว โดยเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งพยานเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาพิจารณาประกอบการตรวจสอบ ปัจจุบันกรมฯ ได้จัดทำเป็นแผนงานตรวจสอบประจำปี ซึ่งธุรกิจขายอาหารหรือเครื่องดื่มเป็นหนึ่งในธุรกิจที่อยู่ในแผนงานตรวจสอบด้วย
  • กรณีที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อประกอบธุรกิจ (จดทะเบียนพาณิชย์ที่สำนักงานเขต กรุงเทพมหานคร เทศบาล หรือ อบต.ที่ร้านค้าตั้งอยู่) เป็นการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจคนเดียว ซึ่งคนต่างชาติไม่สามารถจดทะเบียนพาณิชย์ได้ ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ร่วมมือกับกระทรวงแรงงานในการลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มนี้ ซึ่งหากพบว่ามีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจ โดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะมีความผิดตามกฎหมายของกระทรวงแรงงานและของกระทรวงพาณิชย์นอกจากนี้ หากพบคนไทยมีการจดทะเบียนพาณิชย์แทนคนต่างด้าวก็จะมีความผิดในลักษณะนอมินีด้วย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานและกฎหมายหลายฉบับ กรมฯ จะบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นต่อไป

พร้อมขอเตือนคนไทยที่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวหรือร่วมเอาชื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้น โดยไม่ได้ลงทุนจริง หรือให้การสนับสนุนร่วมประกอบธุรกิจกับคนต่างด้าว โดยแสดงว่า เป็นธุรกิจของคนไทยเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 – 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง