นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการอุทกภัยภาคใต้ จังหวัดยะลา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยและแผนการแก้ไขปัญหา จากศูนย์สนับสนุนจังหวัดเพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดตั้งให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยประสานงานหลัก เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา โดยมี พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมประชุม
รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดอุทกภัยขึ้นในหลายแห่งของพื้นที่ภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำ จะเคลื่อนผ่านอ่าวไทยทำให้ภาคใต้มีความเสี่ยงฝนตกหนักและฝนตกหนักมากบางแห่ง รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร มีความเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จึงได้มอบหมายให้ลงพื้นที่ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับความเดือดร้อนเพื่อคลี่คลายโดยเร็วที่สุด ได้เน้นย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
- มอบ จังหวัด ศอ.บต. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย และจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ ให้พร้อม
ต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น - มอบ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประสานกรมชลประทานจังหวัด ปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย เพื่อแก้ไขสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
- มอบ สทนช. จังหวัด การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2567 และป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนบางลาง และการจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง และเมื่อมีผลกระทบกับประชาชนต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
- เน้นย้ำกับ สทนช. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กรมประชาสัมพันธ์ และจังหวัด ประชาสัมพันธ์สถานการณ์อุทกภัยและแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ พร้อมมอบหมายศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ ประสานและบูรณาการการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อสถานการณ์น้ำ ทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้งที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก และจะดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังเพื่อทุกครัวเรือนผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว
สำหรับการเยียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา
- เห็นชอบอนุมัติการจ่ายเงิน 5,000 ล้านบาทช่วยเหลือผู้ประสบภัย
- กรณีที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยประจำพื้นที่น้ำท่วมไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายเกินกว่า
7 วัน ให้มีการช่วยเหลืออัตราเดียวทุกครัวเรือนๆ ละ 9,000 บาท - สิทธิประโยชน์อื่นๆ ในมาตรการช่วยเหลือจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐและธนาคารพาณิชย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่
ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย โดยได้เดินทางไปยัง คลองระบายน้ำที่ 1 คลองภูมินาถดำริ (สะพานคลอง ร.1) ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา จากนั้นได้เดินทางต่อไปยัง ศาลากลางจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 5 ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดพัทลุง ที่หอประชุมโรงเรียนพนางตุง ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลพนางตุง ตำบลทะเลน้อย และ ตำบลมะกอกเหนือ จากนั้น จึงเดินต่อไปยังพื้นที่ประสบอุทกภัย (น้ำทะเลหนุน) ที่ทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์
น้ำทะเลหนุน และโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ยังมีพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วม 5 อำเภอ 16 ตำบล 61 หมู่บ้าน ซึ่งทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดพัทลุงได้ร่วมกันลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดพัทลุงอย่างต่อเนื่อง
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การเดินทางไปตรวจราชการครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์และติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ขอยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาให้พี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่
ด้านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) ได้ออกมาตรการช่วยเหลือพี่น้องชาวภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรเพื่อให้สามารถดำรงชีพและเสริมสภาพคล่อง ได้แก่
1. มาตรการเร่งด่วนเพื่อดูแลเกษตรกรลูกค้าของธนาคารที่ได้รับความเดือดร้อนและผลผลิตได้รับความเสียหายจนส่งผลกระทบต่อรายได้ โดยการให้ลูกค้าสามารถเลื่อนระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปสูงสุดไม่เกิน 1 ปี และไม่คิดดอกเบี้ยปรับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่สาขาในพื้นที่ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มกราคม 2568
2. มาตรการฟื้นฟูและเสริมสภาพคล่องเกษตรกร
- โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2567/68 เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.875% ต่อปี) วงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ผ่อนชำระนานสูงสุดไม่เกิน 3 ปี
- โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR – 2 % ต่อปีผ่อนชำระนานสูงสุดไม่เกิน 15 ปี
- เกษตรกรผู้ประสบภัยที่ต้องการเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือจาก ธ.ก.ส. แจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน
- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง