ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อผศ.) จัดพิธีวางพวงมาลา “เชิดชูเกียรติทหารกล้า 3 กุมภาพันธ์วันทหารผ่านศึก” เนื่องในวันทหารผ่านศึก ประจำปี 2568 เพื่อสดุดีและรำลึกถึงวีรกรรม ความกล้าหาญของเหล่าทหารผ่านศึก ที่ได้มีความเสียสละ ปกปักษ์รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติไทยให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน โดยพลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) นำขบวนพาเหรดทหารผ่านศึกทั้ง 19 ขบวนกว่า 3,000 นาย ประกอบด้วย ขบวนทหารผ่านศึกนั่งวีลแชร์ ขบวนทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ 1 ที่พิการทุพพลภาพจากการสู้รบ ขบวนสงครามโลกครั้งที่ 1 ขบวนสงครามอินโดจีน ขบวนสงครามมหาเอเชียบูรพา ขบวนสงครามเกาหลี ขบวนสงครามเวียดนาม ขบวนนักรบนิรนาม 333 ขบวนกรณีป้องกันประเทศ ขบวนสมรภูมิทุ่งช้าง ขบวนสมรภูมิเขาค้อ ขบวนสมรภูมิช่องบก ขบวนยุทธการบ้านชำราก ขบวนสมรภูมิบ้านร่มเกล้า ขบวนกลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบทุกหมู่เหล่า ขบวนตำรวจตระเวนชายแดน ขบวนทหารพราน ขบวนนาวิกโยธิน ขบวนอาสาสมัครทหารพรานและปิดท้ายขบวนด้วยขบวนนักเรียนและนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาจากองค์การฯ (โดยวงปี่สก๊อตและวงดุริยางค์บรรเลงเพลงได้รับความร่วมมือจากวงดุริยางค์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ออกเดินจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ มายังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้น เมื่อมาถึงบริเวณด้านหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นประธานในพิธีจุดตะเกียงตามประทีปและสักการะอัฐิผู้เสียสละชีพเพื่อชาติ ภายในห้องจารึกชื่อผู้เสียสละชีพเพื่อชาติ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อแล้วเสร็จ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และผู้นำเหล่าทัพ ร่วมกันประกอบพิธีวางพวงมาลา แสดงความเคารพ โดยมีผู้แทนส่วนราชการต่างๆ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สมาคม ชมรม มูลนิธิ ตลอดจนทหารผ่านศึกนอกประจำการกรณีสงครามต่างๆ ร่วมพิธีด้วย
ส่วนบรรยากาศโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สดอย่างสวยงามและผู้เข้าร่วมงานทุกคนมีการประดับดอกป๊อบปี้สีแดง ซึ่งเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันทหารผ่านศึกไว้ที่บริเวณหน้าอก เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ และเป็นการรำลึกถึงในเชิงสัญลักษณ์ถึงเหล่าทหารผ่านศึก ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมไทย ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบถึงวีรกรรมความกล้าหาญของเหล่าทหารผ่านศึกในทุกสมรภูมิ ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ ให้สืบทอดเป็นมรดกแก่ลูกหลานไทยมาจนปัจจุบัน นอกจากนี้ยังได้มีการจุดไฟที่แท่นคบเพลิงรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทั้ง 4 ด้าน เพื่อสักการะดวงวิญญาณของเหล่าทหารผ่านศึกด้วย