นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับผลกระทบทางด้านราคา หลังอินเดียกลับมาส่งออกข้าว ประกอบกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ลดการนำเข้าข้าว ทำให้ข้าวไทยได้รับผลกระทบ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือ โดยจะเร่งจัดประชุมคณะอนุกรรมการโยบายข้าวแห่งชาติด้านการตลาด วันที่ 20 ก.พ.นี้ เพื่อเสนอมาตรการช่วยเหลือชาวนา ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) พิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมการค้าภายใน ได้จัดตลาดนัดข้าวเปลือก ซึ่งดำเนินการคู่ขนานในทันที เพื่อดึงราคาข้าวเปลือกให้สูงขึ้น ในพื้นที่เป้าหมาย 8 จังหวัดคือ จังหวัดอ่างทอง สุรินทร์ สิงห์บุรี พิษณุโลก สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา อุบลราชธานี และจังหวัดนครราชสีมา ตั้งเป้าว่าโครงการตลาดนัดข้าวเปลือกจะช่วยดันราคาขายข้าวของเกษตรกรให้ปรับเพิ่มขึ้นได้ 100-200 บาท/ตัน โดยที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จัดตลาดนัดครั้งที่ 1 ในวันที่ 16-20 ก.พ.68 ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการแข่งขัน ช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น
สำหรับสถานการณ์ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง ปี 2567/68 คาดว่าจะมีปริมาณรวม 6.53 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 1.08 ล้านตันข้าวเปลือก หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากปีก่อน โดยผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วในเดือน ก.พ. 68 และจะออกกระจุกตัวช่วง มี.ค. – เม.ย. 68 ประมาณ 4.42 ล้านตัน ขณะที่ราคาข้าวเปลือกเจ้า ณ วันที่ 14 ก.พ. 68 เฉลี่ยอยู่ที่ 8,650 บาท/ตัน ปรับลดลงเทียบกับปีก่อน 30%
ส่วนราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ก.ย. 67 เป็นต้นมา เนื่องจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวตามปกติ รวมทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มีแนวโน้มนำเข้าลดลงจากการเก็บสต๊อกที่เพียงพอแล้ว ทำให้ความต้องการนำเข้าข้าวขาวจากไทยชะลอตัว จึงได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับราคาในปี 2565 ช่วงก่อนที่อินเดียจะงดการส่งออกข้าว