ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงฯ ยันสัดส่วนกาสิโนไม่เกิน 10% เน้นลงทุน-ท่องเที่ยว

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ของกระทรวงการคลัง (กค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาแล้ว

สาระสำคัญของเรื่อง

1. ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ของกระทรวงการคลังที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว เป็นการกำหนดให้มีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยกำหนดกลไกการดำเนินการผ่านระบบคณะกรรมการ 2 ระดับ คือ คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรและคณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรเป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการดังกล่าว กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาต รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรให้มีมาตรฐานและเหมาะสม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจารณาโดยนำความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 รวมทั้งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาด้วยแล้ว โดยยังคงเป็นไปตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้
(วันที่ 31 ม.ค. 68)  และแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้

ประเด็นรายละเอียด
กลไกการดำเนินการ 1) ผู้รักษาการ  • กำหนดให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการ ตามกฎหมายร่วมกัน (เดิมกำหนดให้เป็นนายกรัฐมนตรี)
2) คณะกรรมการนโยบาย  • แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายในการพิจารณาเรื่องสำคัญที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี เช่น เสนอแนะนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรต่อคณะรัฐมนตรี และเสนอแนะการกำหนดพื้นที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (แบ่งแยกอำนาจที่เป็นรายละเอียดไปให้คณะกรรมการบริหาร)
3) คณะกรรมการบริหาร  • แก้ไขชื่อเป็น “คณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” โดยมีหน้าที่และอำนาจเน้นไปที่การบริหารงานของสำนักงานและการบริหารงานบุคคล
• เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจในการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิกกฎหมายหรือกฎที่อาจก่อให้เกิดความล่าช้า ซ้ำซ้อน หรือก่อให้เกิดภาระโดยไม่จำเป็นในการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
4) สำนักงาน• แก้ไขชื่อเป็น “สำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร”
• เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของสำนักงาน โดยอาจจัดให้มีการประชุมร่วมกัน   หรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐหรือเอกชนก็ได้ • แก้ไขเพิ่มเติมกลไกการได้มาซึ่งผู้อำนวยการ (เดิมเป็นเลขาธิการ เนื่องจากไม่ได้เป็นสำนักงานของคณะกรรมการ) โดยให้คณะกรรมการนโยบายแต่งตั้ง (จากเดิมคณะกรรมการนโยบายแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี)
5) พนักงานเจ้าหน้าที่• แก้ไขเพิ่มเติมพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
 แต่งตั้งให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ (เดิมสำนักงานแต่งตั้ง) โดยในส่วนของ  หน้าที่และอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญซึ่ง  ยังคงมีหน้าที่และอำนาจ เช่น เข้าไปในสถานที่ดำเนินการสถานบันเทิงครบวงจร  หรือสถานที่ตั้งของผู้รับใบอนุญาต    
การอนุญาตและการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (สคก. ได้แยกการควบคุมและมาตรการบังคับออกจากการอนุญาต)• กำหนดกรอบนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรที่คณะกรรมการนโยบายเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยต้องประกอบด้วย (1) การกำหนดจำนวนใบอนุญาต
(2) พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร (3) หลักเกณฑ์การพิจารณาร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน และ (4) มาตรการป้องกันแก้ไขและเยียวยาผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
• กำหนดเพิ่มเติมให้พื้นที่ ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงครบวงจร ต้องดำเนินการให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ประกอบด้วย
• กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน (สถานที่เฉพาะสำหรับจัดให้มีการเล่นพนัน) ซึ่งจะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินหรือพื้นที่ใช้สอยของอาคารอันเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร แล้วแต่กรณีใดจะน้อยกว่ากัน (เดิมไม่ได้กำหนดในส่วนร้อยละ 10)
• กำหนดให้มีการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชนหรือชุมชนและกำหนดกระบวนการพิจารณาการร่วมลงทุนกับเอกชน หรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน เพื่อใช้บังคับแก่กรณีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรไว้เป็นการเฉพาะ (เดิมไม่มี)
• กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงถือว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับการก่อสร้างและใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามประเภทธุรกิจที่ระบุไว้ในใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตที่จัดให้มีกาสิโนเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เดิมไม่มี)
การควบคุมและมาตรการบังคับ• กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการประกอบการกาสิโน โดยต้องมี (1) การจัดให้มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน (2) ระบบควบคุมกาสิโนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และ (3) มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากกาสิโน (เดิมไม่มี)
• กำหนดให้บุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน และผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
(เดิมกำหนดห้ามเฉพาะผู้มีสัญชาติไทยจึงยังมิได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด)
• ห้ามผู้รับใบอนุญาตหรือบุคคลใดจ้างหรือให้ผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดแก่บุคคลอื่น หรือเพิ่มยอดหรือจำนวนคนเล่นพนันในกาสิโน หรือเพื่อเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน (เดิมไม่มี)
บทกำหนดโทษ• กำหนดเพิ่มเติมมาตรการปรับเป็นพินัย เช่น ผู้รับใบอนุญาตที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการที่สั่งให้ปฏิบัติข้อกำหนด และปล่อยปละละเลยหรือยินยอมให้บุคคลต้องห้ามเข้าไปในกาสิโน และเพิ่มเติมลักษณะการกระทำความผิดที่จะได้รับโทษทางอาญา เช่น การจัดให้มีการเล่นพนันในกาสิโนผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือถ่ายทอดการเล่นพนันในกาสิโน และกระทำการที่เป็นการเพิ่มยอดหรือเพิ่มจำนวนคนเล่นพนัน หรือเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน

กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ดำเนินการฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้วผ่านระบบกลางทางกฎหมาย (www.law.go.th) ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม 2568 รวมระยะเวลา 15 วัน จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนทั่วไป โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นจำนวน 71,289 คน และมีผู้เห็นด้วยประมาณร้อยละ 80 (ประมาณ 57,000 คน)

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex มีวัตถุประสงค์ สร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาล หรือการท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่ หรือ Man made tourism โดย Entertainment Complex ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีกาสิโนอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นเรื่อง ฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ความจุ 50,000 คน Indoor Stadium ขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร ที่จะสร้างรายได้กว่า 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 12,000 ล้านบาท ถึง 39,000 ล้านบาทต่อปี และจะเก็บภาษีจากธุรกิจอื่น ประมาณ 8,000 ถึง 35,000 ล้านบาทต่อปี โดยภาษีเฉพาะกาสิโนขั้นต่ำ 3,264 ล้านบาทต่อปี และมีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้นเกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโน และธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ที่สำคัญจะมีกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันติดการพนัน โดยจะกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด

ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรเป็นการดึงเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่จากต่างประเทศและเป็นเม็ดเงินใหม่จากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก (World Class) แบบครบวงจร รวมทั้งพื้นที่สาธารณะเพื่อการนันทนาการและการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นการลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการท่องเที่ยวในภูมิภาค ประกอบกับเป็นการนำธุรกิจกาสิโนและการพนันถูกกฎหมายให้เข้ามาอยู่ในระบบอย่างมีมาตรฐาน ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย มีการจัดเก็บรายได้และภาษีอย่างถูกต้อง

รัฐบาลได้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เช่น ปัญหาทางการเงินและหนี้สิน ปัญหาอาชญากรรม เป็นต้น โดยได้มีการเตรียมการสำหรับการกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบข้างต้น เช่น การจำกัดคุณสมบัติของผู้เข้าใช้บริการเพื่อไม่ให้กระทบต่อเยาวชนและกลุ่มเปราะบาง การห้ามมิให้มีการเชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเกี่ยวกับกาสิโน การกำหนดให้มีสำนักงานและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล ตรวจสอบ และติดตามผลการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรอย่างใกล้ชิด เป็นต้น รวมทั้งให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร แล้วดำเนินการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง