ครม. เห็นชอบต่อร่างแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาไทย-สหรัฐฯ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา [Thailand intellectual Property Work Plan (IP Work Plan)] ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (สหรัฐฯ) [United States Trade Representative (USTR)] (ร่างแผนงานฯ) และมอบหมาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและดำเนินการตามแนวทางภายใต้ร่างแผนงานฯ ต่อไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

1. สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้จัดทำรายงานผลการจัดสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (รายงานผลการจัดสถานะฯ) เป็นประจำทุกปี โดยแบ่งสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้าออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) ประเทศที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามากที่สุด [Priority Foreign Country (PFC] (2) ประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ [Priority Watch List (PWL)] และ (3) ประเทศที่ต้องจับตามอง [Watch List (WL)] ซึ่งระหว่างปี 2550 – 2560 ประเทศไทย (ไทย) ได้ถูกจัดให้อยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ปรับสถานะของไทยให้ดีขึ้น โดยปรับจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษเป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง [คณะรัฐมนตรีมีมติ (23 มกราคม 2561) รับทราบแล้ว] และไทยยังคงสถานะในบัญชีดังกล่าวจากนั้นเป็นต้นมา

2. ในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จึงได้จัดทำร่างแผนงานฯ เพื่อระบุแนวทางการดำเนินงานที่จะนำไปสู่การถอดไทยจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองและทุกบัญชี โดยทั้งสองฝ่ายสามารถสรุปผลการหารือ ร่างแผนงานฯ ในเดือนกันยายน 2567 และต่อมาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ประสานแจ้งยืนยันร่างแผนงานฯ ฉบับสุดท้ายของทั้งสองฝ่ายก่อนทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการตามกระบวนการภายในต่อไป ทั้งนี้ ร่างแผนงานฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

2.1 ลิขสิทธิ์

(1) เผยแพร่ร่างกฎหมายลิขสิทธิ์และกฎระเบียบหรือมาตรการ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในโอกาสที่เหมาะสม และเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียให้ความเห็น ต่อร่างกฎหมายลิขสิทธิ์และกฎระเบียบหรือมาตรการ รวมทั้งนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย

(2) ในส่วนที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ทางออนไลน์(รวมถึงช่องทางโทรศัพท์มือถือ) ให้มีการยกระดับการแก้ไขปรับปรุงระบบการชี้แจงหรือระบบแจ้งให้ทราบให้ชัดเจน และนำข้อมูลที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบ (Notice and Takedown) หรือปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาที่ละเมิดซึ่งอยู่บนเครือข่าย เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

(3) ให้สัตยาบันหรือภาคยานุวัติเพื่อเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO Copyright Treaty (WCT] และสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก [WIPO Performances and Phonograms Treaty (WPPT)]

(4) แก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อพัฒนาการป้องกัน การหลบเลี่ยงมาตรการทางเทคโนโลยี [Technological Protection Measures (TPM)] ที่มีประสิทธิภาพให้เสร็จสิ้น

(5) ยกระดับหรือแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อกำจัดช่องว่างที่อาจมีตามข้อยกเว้นของการคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิ [Rights Management Information (RMI)]

(6) แก้ไขปัญหาองค์กรจัดเก็บ [Collective Management Organization (CMO)] โดยคงไว้ซึ่งฐานข้อมูลและระบบการยืนยันที่มีประสิทธิภาพ และรับรองความโปร่งใสและธรรมาภิบาล เช่น การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ การออกและการใช้บังคับกฎระเบียบหรือการนำมาตรการที่เหมาะสมมาปรับใช้

(7) แก้ไขปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 ที่ให้ พณ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากลั่นกรองการจัดซื้อคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ของหน่วยงานภาครัฐที่มีความรัดกุมและได้มาตรฐานเดียวกัน โดยผลักดันให้มีการดำเนินการอย่างจริงจัง และมีความต่อเนื่องเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ภาคเอกชนและประชาชน รวมทั้งแสดงออกถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการแก้ปัญหาดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

2.2 เครื่องหมายการค้า ปรับปรุงกระบวนการจดทะเบียน เครื่องหมายการค้า โดยการแก้ไขปัญหางานจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าค้างสะสม และเพิ่มจำนวนผู้ตรวจสอบเครื่องหมายการค้า

2.3 สิทธิบัตรและเภสัชภัณฑ์

(1) แก้ไขปรับปรุงกฎหมายสิทธิบัตร ได้แก่ เผยแพร่ ร่างกฎหมายสิทธิบัตร กฎระเบียบ หรือมาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในโอกาสที่เหมาะสม เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียได้ให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายสิทธิบัตร และกฎระเบียบ หรือมาตรการ และนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย รวมถึงให้การบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรในร่างกฎหมายสิทธิบัตรสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย

(2) สร้างระบบที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการใช้ข้อมูลในเชิงพาณิชย์อย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะข้อมูลผลการทดสอบหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่จัดทำขึ้นเพื่อให้เภสัชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรได้รับอนุญาตให้วางจำหน่าย

(3) แก้ไขปัญหาคุณภาพในการออกสิทธิบัตรและปัญหางานค้างสะสม โดยเฉพาะในสาขาเภสัชภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบสิทธิบัตร ผ่านการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายสิทธิบัตร การอบรมผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรและมาตรการทางปกครองอย่างอื่นที่เหมาะสม

(4) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการให้สัตยาบันหรือภาคยานุวัติกรรมสารเจนีวา (Geneva Act) ภายใต้ความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ(Hague Agreement Concerning the International Registration of Industrial Designs) และปรับปรุงระบบจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์ของประเทศไทย ผ่านแนวทางปฏิบัติและนโยบายของกรมทรัพย์สินทางปัญญา และเตรียมระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรับคำขอภายใต้ความตกลงดังกล่าว

2.4 การบังคับใช้สิทธิ

(1) ให้ข้อมูลสถิติและข้อมูลอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ตามแผนที่นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ ระยะ 20 ปี สู่ประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0 Intellectual Property Roadmap) โดยรวมถึงข้อมูลสถิติรายปีเกี่ยวกับการบังคับใช้สิทธิ ณ จุดผ่านแดน การสืบสวน สอบสวน การจับกุม การยึดอายัด การทำลายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและสถิติการดำเนินการของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา

(2) มีมาตรการบังคับใช้สิทธิทางแพ่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขข้อกังวลกรณีเจ้าของพื้นที่ยุยงหรือส่งเสริมให้ผู้เช่ากระทำการละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าในเชิงพาณิชย์ เช่น การผลิต หรือการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น

(3) สืบสวนและดำเนินคดีทรัพย์สินทางปัญญาทั่วประเทศให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งรวมถึงการแอบถ่ายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ การละเมิด ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ และการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ เพื่อให้เกิดการเยียวยาและบทลงโทษ

(4) แก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ โดยการใช้อุปกรณ์และแอปพลิเคชันที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสตรีมและดาวน์โหลดเนื้อหา ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิ

(5) ดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการผลิต การกระจายผลิตภัณฑ์ และการขายเภสัชภัณฑ์ปลอมในไทย

3. พณ. (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานมีความเห็นสรุปได้ ดังนี้

3.1 กระทรวงกลาโหม (กห.) (กองทัพเรือและกองทัพบก) กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมวิชาการเกษตร) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง ตามที่ พณ. เสนอ โดย ตร. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ) เห็นควรให้เพิ่มเติมข้อความในส่วนข้อ 2.1 (2) ดังนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ทางออนไลน์ (รวมถึงบนแพลตฟอร์มมือถือ) ให้มีการยกระดับการแก้ไขปรับปรุงระบบการชี้แจงหรือระบบแจ้งให้ทราบให้ชัดเจน และนำข้อมูลที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบ (Notice and Takedown) หรือปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหา ที่ละเมิดซึ่งอยู่บนเครือข่ายอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตโดยลดขั้นตอนการปลดเว็บไซต์การละเมิดลิขสิทธิ์บนเครือข่าย และให้พนักงานสอบสวนสามารถยื่นคำร้องขอปลดเว็บไซต์การละเมิดลิขสิทธิ์บนเครือข่ายโดยตรงต่อศาลเพื่อความรวดเร็ว ทั้งนี้ พณ. ได้ดำเนินการปรับแก้ข้อความดังกล่าวแล้ว รวมถึงดำเนินการเพื่อลดขั้นตอนการปลดเว็บไซต์การละเมิดลิขสิทธิ์บนเครือข่าย และให้พนักงานสอบสวนสามารถยื่นคำร้องขอปลดเว็บไซต์การละเมิดลิขสิทธิ์บนเครือข่ายโดยตรงต่อศาลเรียบร้อยแล้ว

3.2 กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) (กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เห็นว่า ร่างแผนงานฯ มิได้มีถ้อยคำบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อย่างไรก็ดี โดยที่ร่างแผนงานฯ ดังกล่าวแสดงความมุ่งมั่นของไทยในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทย พณ. ในฐานะส่วนราชการเจ้าของเรื่องจึงควรพิจารณาเสนอร่างแผนงานดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 4 (7) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

ข่าวที่เกี่ยวข้อง