หน่วยงานรัฐเร่งบริหารจัดการน้ำ ลดความเดือดร้อนประชาชน กรมควบคุมโรคเตือน เฝ้าระวังอันตรายจมน้ำช่วงฤดูฝน

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 14/2568 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 มีมติให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ำไปทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกให้ได้มากที่สุด เช่น ระบายน้ำไปทางคลองส่งน้ำที่ยังสามารถรองรับได้ รวมถึงกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำตลอดลำน้ำ เพื่อเร่งการระบาย พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องจักรเครื่องมือที่จะช่วยผลักดันน้ำให้เต็มศักยภาพ เพื่อให้สามารถคงอัตรา การระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่อัตรา 2,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนเพิ่มมากขึ้น สทนช. จึงได้ประสานงานกับกรมชลประทานปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำเข้าคลองฝั่งตะวันตกตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาดังนี้

  • ทางฝั่งตะวันออก ได้ปรับอัตราการระบายน้ำเพิ่มขึ้นรวม 15 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที แบ่งเป็น ปรับเพิ่มการระบายน้ำเข้าที่ประตูระบายน้ำ (ปตร.) ปากแม่น้ำลพบุรี 10 ลบ.ม.ต่อวินาที และที่ ปตร. ปากคลองบางแก้วปรับเพิ่มอีก 5 ลบ.ม. ต่อวินาที  
  • ทางฝั่งตะวันตก ได้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำเข้าคลองต่าง ๆ รวม 55 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยแบ่งเป็น คลอง มอ. 5 ปรับเพิ่มการระบายจาก 25 ลบ.ม. ต่อวินาที เป็น 30 ลบ.ม. ต่อวินาที แม่น้ำท่าจีน
    ปรับเพิ่มการระบายจาก 70 ลบ.ม. ต่อวินาที เป็น 80 ลบ.ม. ต่อวินาที แม่น้ำน้อย ปรับเพิ่มการระบายจาก 80 ลบ.ม. ต่อวินาที เป็น 90 ลบ.ม. ต่อวินาที เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา

ทั้งนี้ ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 17.31 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง พร้อมกำชับให้กรมชลประทานพิจารณาการส่งต่อน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไหลลงสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัย ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทองสุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และฉะเชิงเทรา 47 อำเภอ 250 ตำบล 1,298 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 43,588 ครัวเรือน 157,591 คน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย (จ.เพชรบูรณ์ พิจิตร พระนครศรีอยุธยา) ดังนี้

1. จังหวัดพิษณุโลก แม่น้ำยมน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.วังทอง (ลักษณะเป็นชุมชน ริมแม่น้ำ เป็นบ้านใต้ถุนยกสูง) อ.บางระกำ (ลักษณะเป็นพื้นที่รับน้ำ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทางการเกษตร) บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 3,457 ครัวเรือน 12,791 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำยม สถานีวัด Y.16 แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ แจกจ่ายถุงยังชีพ จำนวน 684 ชุด โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ ธกส. ด้านขนย้ายผู้ประสบภัย ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก สนับสนุนรถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 6 คัน เรือท้องแบน จำนวน 6 ลำ ด้านการระบายน้ำ เครื่องสูบน้ำ 14 นิ้ว จำนวน 16 เครื่อง

2. จังหวัดเพชรบูรณ์ น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.หนองไผ่ อ.บึงสามพัน อ.วิเชียรบุรี อ.ศรีเทพ บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 546 ครัวเรือน 2,020 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (ชาย อายุ 19 ปี พลัดตกน้ำขณะพายเรือข้ามลำน้ำ) ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำป่าสัก แนวโน้มระดับน้ำลดลง หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ โรงครัวพระราชทานประกอบเลี้ยงผู้ประสบภัย 2 คัน โดยตำรวจตระเวนชายแดน 315 รถผลิตน้ำดื่ม ขนาด 1,000 ลิตร/ชั่วโมง พร้อมขวดน้ำ 10,000 ขวด โดย ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก ข้าวกล่อง 150,381 กล่อง น้ำดื่ม 195,495 ขวด ยารักษาโรค 1,000 ชุด และถุงยังชีพ 7,650 ถุง พร้อมรถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยพร้อมอุปกรณ์ 6 คัน เรือท้องแบน 3 ลำ รถขนย้ายผู้ประสบภัย 25 คัน

3. จังหวัดพิจิตร แม่น้ำยมและแม่น้ำน่านล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อ.สามง่าม อ.โพทะเล อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.บึงนาราง อ.บางมูลนาก อ.ทับคล้อ อ.เมืองฯ อ.ดงเจริญ อ.สากเหล็ก (ลักษณะเป็นบ้านใต้ถุนสูงนอกแนวคันกั้นน้ำ) ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,528 ครัวเรือน 5,654 คน และพื้นที่การเกษตร 5,075 ไร่ ถนน 3 สาย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (หญิง 17 ปี) ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำน่าน แนวโน้มระดับน้ำลดลง หน่วยงานต่างๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ ถุงยังชีพ 500 ชุด สุขาเคลื่อนที่ 7 หลัง โดย ศูนย์ ปภ. เขต 8 กำแพงเพชร ด้านขนย้ายผู้ประสบภัย เรือพาย 20 ลำ

4. จังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำยมและแม่น้ำน่านเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ชุมแสง อ.เมืองฯ อ.ตาคลี ประชาชนได้รับผลกระทบ 805 ครัวเรือน 2,213 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำยม แนวโน้มระดับน้ำทรงตัว หน่วยงาน   ต่างๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ มอบถุงยังชีพ 156 ถุง เรือพาย 142 ลำ เรือท้องแบน 2 ลำ โดย อบจ. เครื่องสูบน้ำ 9 เครื่อง การเสริมคันกั้นน้ำชั่วคราว กระสอบทราย 13,200 ใบ

5. จังหวัดอุทัยธานี เกิดฝนตกหนักน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 1 อำเภอ ได้แก่  อ.เมืองฯ เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 196 ครัวเรือน 498 คน และพื้นที่การเกษตร 102 ไร่ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง แนวโน้มระดับน้ำลดลง หน่วยงานต่างๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ มอบถุงยังชีพ และประกอบอาหารจัดเลี้ยงผู้ประสบภัย จัดทำป้ายเตือนน้ำท่วมทาง และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง จำนวน 3 ราย

6. จังหวัดชัยนาท น้ำเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.สรรพยา อ.มโนรมย์ อ.วัดสิงห์ อ.เมืองฯ (ลักษณะเป็นบ้านใต้ถุนสูงนอกแนวคันกั้นน้ำ) ประชาชนได้รับผลกระทบ 247 ครัวเรือน 608 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำเจ้าพระยา แนวโน้มระดับน้ำทรงตัว หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ มอบถุงยังชีพ มอบข้าวสาร ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง ทำแนวคันกั้นน้ำ สนับสนุนรถแบคโฮ วางแนวบิ๊กแบ็คเสริมแนวกระสอบทราย

7. จังหวัดสิงห์บุรี เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.อินทร์บุรี อ.พรหมบุรี อ.เมืองฯ (ลักษณะเป็นบ้านใต้ถุนสูงนอกแนวคันกั้นน้ำ) ประชาชนได้รับผลกระทบ 101 ครัวเรือน 284 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำเจ้าพระยา แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น หน่วยงาน   ต่างๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ ประกอบอาหารรถผลิตน้ำ โดย ศูนย์ ปภ. เขต 16 ชัยนาท มอบถุงยัง และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง ไปยังที่ปลอดภัย โดย กอ.รมน.จ.สห. และ กองพลทหารปืนใหญ่ พร้อมเสริมคันกั้นน้ำชั่วคราว

8. จังหวัดอ่างทอง น้ำเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ป่าโมก อ.ไชโย อ.วิเศษชัยชาญ อ.เมืองฯ (ลักษณะเป็นบ้านใต้ถุนสูงนอกแนวคันกั้นน้ำ) ประชาชนได้รับผลกระทบ 779 ครัวเรือน 2,882 คน พื้นที่การเกษตร 784 ไร่ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำเจ้าพระยาสถานีวัด C.7A บ้านบางแก้ว แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน โดย ศูนย์ ปภ. เขต 2 สุพรรณบุรี รถขนย้ายผู้ประสบภัย 3 คัน สะพานเบลีย์ 1 ชุด เรือ 18 ลำ และจัดทีมปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ 44 ทีม

9. จังหวัดสุพรรณบุรี น้ำจากแม่น้ำท่าจีนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง อ.เดิมบางนางบวช อ.ด่านช้าง (ลักษณะเป็นบ้านใต้ถุนสูงนอกแนวคันกั้นน้ำ) ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,691 ครัวเรือน 23,892 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำท่าจีน แนวโน้มระดับน้ำลดลง

10. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เสนา อ.ผักไห่ อ.บางบาล อ.บางไทร อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน (ลักษณะเป็นบ้านใต้ถุนสูงนอกแนวคันกั้นน้ำ) ประชาชนได้รับผลกระทบ 24,770 ครัวเรือน 91,649 คน โรงเรียน 10 แห่ง โรงพยาบาล 1 แห่ง สถานที่ราชการ 6 แห่ง วัด 11 แห่ง มัสยิด 1 แห่ง ถนนในหมู่บ้าน 21 สาย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (ชายสาเหตุจมน้ำเสียชีวิตขณะขนย้ายสิ่งของใต้ถุนบ้าน) และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำเจ้าพระยา แนวโน้มระดับน้ำทรงตัว หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ มอบเต็นท์ผู้ประสบภัย จำนวน 160 หลัง รถผลิตน้ำดื่ม ถุงยังชีพ จำนวน 25,629 ถุง เรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ 4 ลำ พร้อมเสริมคันกั้นน้ำชั่วคราว และสนับสนุนกระสอบทราย 195,900 ใบ

11. จังหวัดนครปฐม แม่น้ำท่าจีนน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.บางเลน อ.เมืองฯ อ.สามพราน อ.กำแพงแสน (ลักษณะเป็นบ้านใต้ถุนสูงนอกแนวคันกั้นน้ำ) ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,515 ครัวเรือน 4,174 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำท่าจีน แนวโน้มระดับน้ำลดลง

12. จังหวัดฉะเชิงเทรา เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.บางน้ำเปรี้ยว อ.เมืองฯ ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,953 ครัวเรือน 10,926 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และไม่มีผู้เสียชีวิต ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำบางปะกง สถานีวัด Kgt.30 สะพานหน้าสถานีดับเพลิง อ.เมืองฯ แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ เรือพลาสติก 300 ลำ มอบชุดยาสามัญประจำบ้าน 150 ชุด เครื่องสูบน้ำ 6 เครื่อง

จังหวัดอุบลราชธานี นายปริญญา คัชมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 7 เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำใน 5 จังหวัดอีสาน ได้แก่ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม และยโสธร พบว่าแม่น้ำมูลและแม่น้ำชีตอนล่างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่แม่น้ำโขงตอนล่างเริ่มลดลง ส่วนเขื่อนทดน้ำหลายแห่งมีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนธาตุน้อยและเขื่อนลำเซบายอุบลราชธานี ขณะที่เขื่อนปากมูลและเขื่อนยโสธรน้ำเริ่มลดลง ขณะเดียวกัน เขื่อนสิรินธรยังรับน้ำได้อีกกว่า 687 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 61 แห่ง ยังแข็งแรงและมีความจุเหลือเพียงพอ

จังหวัดมหาสารคาม นายไพฑูรย์ ศรีมุก ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 ลงพื้นที่ เขื่อนมหาสารคาม พบว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำชีสูงเกินความจุ ร้อยละ 121.67 อยู่ในระดับวิกฤต ต้องปักธงแดงและเปิดบานระบายทั้ง 6 บาน ระบายน้ำกว่า 48 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน พร้อมเตือนพื้นที่ อ.โกสุมพิสัย กันทรวิชัย เชียงยืน และเมืองมหาสารคาม เฝ้าระวังน้ำเอ่อล้นจากการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์และฝนที่ตกต่อเนื่อง

ขณะที่ กรมควบคุมโรคเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในช่วงฤดูฝนเสี่ยงจมน้ำเสียชีวิต นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค เตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังช่วงฤดูฝน เนื่องจากน้ำในแหล่งน้ำสูงกว่าปกติ ไหลเชี่ยว ขอบบ่อนิ่ม มองไม่ชัด เสี่ยงพลัดตกและจมน้ำ จากข้อมูล 10 ปีที่ผ่านมา (2558–2567) พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำเฉลี่ย 1,675 รายต่อปี มากที่สุดในเดือนตุลาคมและกันยายน กลุ่มอายุที่เสียชีวิตสูงสุดคือ 45–59 ปี และ 60 ปีขึ้นไป

สำหรับสาเหตุหลักของการจมน้ำในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มาจากการเล่นน้ำ รองลงมาคือการพลัดตกลื่นซึ่งจะเกิดในกลุ่มผู้ใหญ่ จากการประกอบอาชีพหาปลา หาหอย เก็บผัก แหล่งน้ำที่พบการจมน้ำมากที่สุดคือ แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เกือบทั้งหมดของผู้เสียชีวิตไม่สวมเสื้อชูชีพ

สถานการณ์ปี 2568 (ม.ค.–มิ.ย.) พบผู้เสียชีวิตแล้ว 1,768 ราย สูงสุดที่ จ.นครราชสีมา (79 ราย) กรุงเทพมหานคร (77 ราย) และบุรีรัมย์ (66 ราย) แม้ตัวเลขรวมลดลงจากปีก่อน แต่บางจังหวัดยังเพิ่มขึ้น เช่น สุราษฎร์ธานี สมุทรสาคร และฉะเชิงเทรา

คำแนะนำป้องกันจมน้ำ

  1. หลีกเลี่ยงเดินหรือยืนใกล้ขอบบ่อ ควรทำแนวกั้นหรือป้ายเตือน
  2. ผู้ปกครองห้ามปล่อยเด็กลงน้ำโดยลำพัง
  3. อย่าลงน้ำโดยไม่จำเป็น หากจำเป็นควรสวมเสื้อชูชีพหรือใช้อุปกรณ์ลอยน้ำ
  4. จำขึ้นใจ “ชูชีพ กฎ งดดื่ม” ทุกวัยปลอดภัยไม่จมน้ำ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ข่าวที่เกี่ยวข้อง