ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการหารือแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย ระหว่างกรมวิชาการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย และชุดเฉพาะกิจพญานาคราช ว่า ได้กำชับในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญภายใต้นโยบายเร่งด่วน (Quick Win) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ การแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย (สินค้าเถื่อน) อย่างเข้มงวด เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าในประเทศ และนโยบาย 3 สร้าง ที่เป็นนโยบายเร่งด่วนระยะแรก ได้แก่ สร้างรายได้ สร้างตลาดและสร้างโอกาส พร้อมทั้งขับเคลื่อนนโยบายเดิมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ได้รับทราบความคืบหน้าเรื่องสำคัญ การขนส่งยางพาราผ่านแดนไทยโดยได้มีการตรวจสอบคุณภาพยางพาราจากเมียนมาไปมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าหากมียางพาราผ่านแดนจำนวน 1.2 แสนตัน จะสามารถสร้างรายได้กว่า 60 ล้านบาทต่อปี
การกำหนดเขตควบคุมการขนย้ายยางพารา 5 จังหวัดชายแดน เพื่อแก้ปัญหายางเถื่อนและรักษาเสถียรภาพราคายางในประเทศ พร้อมสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรสำหรับขั้นตอนออกใบอนุญาตนำยางเข้าใน ผ่านหรือออกจากเขตควบคุมยางการขนย้ายยางตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542
มาตรการควบคุมโรคใบร่วงในแปลงขยายพันธุ์ยาง พร้อมผลักดันพันธุ์ยางดี 3 พันธุ์ใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตยางของประเทศ และ ผลการจับกุมยางพาราลักลอบนำเข้าที่จังหวัดระนอง น้ำหนักกว่า 2,600 กิโลกรัม ขณะเดียวกัน กรมวิชาการเกษตร ได้มีการดำเนินการควบคุมโรคใบร่วงในแปลงขยายพันธุ์ต้นยาง อีกทั้งได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลทางด้านวิชาการ การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการและการตรวจสอบแปลงขยายพันธ์ต้นยางเพื่อการค้า ซึ่งได้มีการบูรณาการร่วมกับการยางแห่งประเทศไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการทบทวนแนวทาง การขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยได้มีการนำข้อดีและข้อเสียมาปรับปรุงผลการดำเนินงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการบูรณาการในการดำเนินการตามขั้นตอนของการเปิดด่าน ให้ยางพารานำผ่านจากประเทศพม่าผ่านแดนประเทศไทยส่งไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะมีการนำร่องในพื้นที่ 2 จังหวัดได้แก่ จังหวัดระนองและจังหวัดตาก