ประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา หรือ “IPU” มติท่วมท้น เห็นชอบร่างปราบ “สแกมเมอร์”ของไทย บรรจุเป็น”วาระเร่งด่วน”

ถือเป็นหนึ่งก้าวสำคัญของไทย ในการกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ เมื่อที่ประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา หรือ “IPU” สมัยที่ 151 ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ มีมติท่วมท้นด้วยคะแนน 850 เสียง เห็นชอบร่างปราบ “สแกมเมอร์” ที่ตัวแทนรัฐสภาของไทยได้นำเสนอ และได้รับการบรรจุเป็น “วาระเร่งด่วน” (Emergency Item)

ขณะที่การประชุมในวาระนี้ ตัวแทนจากรัฐสภากัมพูชาไม่ได้เข้าร่วมประชุมและไม่ยอมร่วมโหวตในครั้งนี้ ทั้งที่ผ่านมา หลายประเทศและหลายองค์กร ระบุว่า “กัมพูชา” เป็นหนึ่งในศูนย์กลางอาชญากรรมออนไลน์ และฐานสแกมเมอร์ ที่ใหญ่ระดับโลก

สำหรับญัตติที่ตัวแทนรัฐสภาไทย เสนอต่อที่ประชุม IPU คือหัวข้อ “การดำเนินการของรัฐสภาต่อกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์และภัยคุกคามแบบผสมผสานต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์”

ทั้งนี้ข้อเสนอของไทย ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน หรือ “สแกมเมอร์” เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงองค์กรอาชญากรรม ที่บ่อนทำลายประชาธิปไตยและความมั่นคงของโลกด้วย ซึ่งชาติสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างยิ่งและทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันแก้ไขโดยเร็ว

“การหลอกลวงทางออนไลน์ แก๊งคอลเซนเตอร์ และสแกมเมอร์” เป็นปัญหาที่ไทยเผชิญมานานหลายปีและนับวันปัญหานี้ยิ่งทวีความรุนแรง และที่ผ่านมา “ไทย” ใช้ความพยามอย่างหนักในการแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการใช้มาตรการต่างๆ กดดัน รวมทั้งใช้กฎหมายต่างๆ ที่มี เพื่อที่จะกวาดล้างขบวนการนี้ ให้หมดไป แต่ด้วยเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ มีเงินรายได้มหาศาลและมีชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การแก้ไขปัญหา มีความซับซ้อนและยุ่งยากมากขึ้น

เมื่อทั่วโลกเห็นปัญหาและมีเป้าหมายตรงกัน และสนับสนุนให้การแก้ไขปัญหานี้ เป็น “วาระเร่งด่วนของโลก” ดังนั้นจึงไม่ใช่หน้าที่ของประเทศใดประเทศหนึ่งที่จะแก้ปัญหา แต่ทุกประเทศทั่วโลกจะต้องให้ความร่วมมือที่ผ่านมาหลายประเทศ ทั้งจีน เกาหลีใต้ อเมริกา อังกฤษ ได้เปิดแนวรุกบุกกัมพูชาที่เป็นฐานขนาดใหญ่ของแก๊ง “สแกมเมอร์” โดยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกเข้าร่วมขบวนการ และลากตัวพลเมืองของตนเองที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อนำไปดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งมีการริบทรัพย์สินของ “เครือข่าย” ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มูลค่าหลายแสนล้านบาท

เมื่อ “ไทย” ประกาศชัดเจนที่จะยืนหัวแถว ในการร่วมปราบกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ ไทยจะต้องใช้ห้วงเวลานี้ ร่วมมือกับนานาชาติในการเร่งจัดการปัญหานี้โดยเร็ว อย่าให้ทั่วโลกที่ร่วมกันผลักดันการแก้ไขปัญหานี้ ให้เป็น “วาระเร่งด่วน” กลายเป็น “วาระเงียบ” เพราะหากไทย ยังไม่แสดงบทบาทที่ชัดเจน อาจถูกเหมารวมว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ไทยถูกมองว่าเป็น “ทางผ่าน” ในการเชื่อมต่อสำหรับรับ-ส่งคนต่างชาติให้กับกลุ่มสแกมเมอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน

นอกจากนี้ ไทยยังถูกระบุว่าเป็น “แหล่งฟอกเงิน” ให้กับเหล่าอาชญากรเหล่านี้ ด้วยการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี มีการซื้ออสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งทองคำ โดยทำธุรกรรมผ่านบริษัท “นอมินี” ในประเทศไทย ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ “ไทย” ในฐานะประเทศที่มีชายแดนติดกับแหล่งสแกมเมอร์ขนาดใหญ่  จะต้องแสดงบทบาทและร่วมกับนานาชาติเร่งจัดการปัญหานี้โดยเร็ว ก่อนที่ไทยจะถูกเหมารวมว่าอยู่ในขบวนการและก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง