ศึกฟุตบอลชายซีเกมส์ โยกการแข่งขันในกลุ่มของไทย มาเตะที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

มหกรรมกีฬาเอเชี่ยนยูธเกมส์ 2025 ที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน ในกีฬา ยูยิตสู รุ่น 48 กิโลกรัมหญิง มิยู ซูซูกิ ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เจ้าของตำแหน่ง 3 แชมป์เยาวชนโลก เจอกับ จีวาเมดมานี่ อ็อดซูเรน จากมองโกเลีย ซึ่งตลอดการแข่งขันไม่มีคะแนนเกิดขึ้น แต่สุดท้ายกรรมการตัดสินให้ มิยู ซูซูกิ ชนะด้วยคะแนนแอดแวนเทจ จากความพยายามเข้าทำที่เหนือกว่า คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ขณะที่ ฟุตซอลชาย ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย รุ่น U16 ถล่มชนะ อุซเบกิสถาน 6-2 คว้าเหรียญทองแดงมาครอง

กีฬาวอเลย์บอล ทีมหญิง รอบชิงอันดับ 3 ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ตบเอาชนะทีมชาติฟิลิปปินส์ 3-0 เซต (26-24, 25-20, 26-24) คว้าเหรียญทองแดงได้สำเร็จด้านทีมชาย รอบชิงอันดับ 3 ทีมวอลเลย์บอลชายไทย ตบเอาชนะ อินโดนีเซีย 3-1 เซต (19-25, 26-24, 25-21, 25-21) คว้าเหรียญทองแดงอีกหนึ่งเหรียญให้ทัพลูกยางไทยในรายการนี้

พลเอก เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นักกีฬาจักรยานของไทย ผลงานทะลุเป้าในกีฬาเอเชี่ยน ยูธ เกมส์ โดยเป็นชาติเดียวในอาเซียนที่ได้เหรียญรางวัล ขณะที่ชาติมหาอำนาจอย่าง ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อิหร่าน, อินเดีย, เกาหลีใต้ ไม่มีเหรียญติดมือกลับบ้าน  โดย “กฤตภาส หอมขจร” ที่คว้า 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง มีโอกาสได้รับการคัดเลือกไปแข่งขันกีฬายูธ โอลิมปิกเกมส์ 2026 ที่กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล จะเป็นเจ้าภาพในปีหน้า เนื่องจากมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ทุกประการ

ทีมฮอกกี้น้ำแข็งเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี “Amazing Thailand” สร้างชื่อในศึกไอซ์ฮอกกี้ International Peewee Tournament 2025 ที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 20–25 ตุลาคม หลังนัดชิงชนะเลิศ พลิกเอาชนะเจ้าภาพ Ironworks Steelers ทีมแชมป์หลายสมัยของออสเตรเลีย 2-1 คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ โดยเป็นทีมเยาวชนไทยชุดแรกที่คว้าแชมป์ในรายการระดับนานาชาติของออสเตรเลีย

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 8 โดยที่ประชุมได้พิจารณาถึงการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคมนี้ ทุกอย่างเกือบพร้อมสมบูรณ์แล้ว คณะกรรมการได้ตรวจสนามกีฬาต่างๆ โดยยังมีจุดที่ต้องแก้ไขเล็กน้อย ซึ่งทุกอย่างจะเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ในส่วนของพิธีเปิดที่จะจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถานนั้น กำหนดการยังเป็นเช่นเดิม แต่จะมีการลดโทนในเรื่องของแสง สี เสียง และการแสดงลง เน้นถึงการน้อมรำลึก ซึ่งที่ประชุมยังได้เน้นย้ำให้การแสดงต่างๆ เป็นไปอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ให้มากที่สุด

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวแลักีฬา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 โดยมี นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และซีอีโอสหพันธ์กีฬาซีเกมส์, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

สำหรับวาระสำคัญ อยู่ที่การพิจารณาแบ่งสายการแข่งขันฟุตบอลชายในกีฬาซีเกมส์ โดยผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอให้ ฟุตบอลชายซีเกม์ กลุ่ม A ที่มี ทีมชาติไทย(เจ้าภาพ), กัมพูชา และติมอร์ เลสเต เดิมแข่งขันที่สนามติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา ให้มาจัดการแข่งขันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กรุงเทพมหานครฯ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องของการรักษาความปลอดภัย โดยสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสนามที่จัดพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน ซึ่งมีการจัดการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงอยู่แล้ว ซึ่งที่ประชุมก็มีมติให้ฟุตบอลชาย ย้ายมาจัดการแข่งขันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

ทั้งนี้การแข่งขันฟุตบอลกลุ่ม A จะมีการขยับโปรแกรม จากเดิมแข่งขันวันที่ 1, วันที่ 5 และวันที่ 9 ธันวาคม มาแข่งขันในวันที่ 4 วันที่ 7 และวันที่ 11 ธันวาคมแทน เพื่อเลี่ยงพิธีเปิดการแข่งขันซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคม

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีทุกชนิดกีฬา แต่ต้องมีการลงทะเบียนเข้าชมก่อน โดยจะมีการแบ่งสัดส่วนให้กับ นักเรียน นักศึกษา, ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส ได้เข้ามาชมการแข่งขันด้วย ขณะที่การแข่งขันกีฬายอดนิยมอย่าง ฟุตบอล ฟุตซอล หรือวอลเลย์บอล ก็จะมีการตั้งจอขนาดใหญ่ให้ได้รับชมหน้าสนามแข่งขันด้วย

ภายหลังการประชุม นายอรรถกร กล่าวว่า ในการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งนี้ เป็นห่วงทุกเรื่อง แต่เรื่องที่ให้น้ำหนักและความสำคัญคือการจัดการแข่งขันให้ได้มาตรฐานสากล อีกเรื่องคือความปลอดภัย ดังนั้นจึงเป็นที่มาในส่วนของการย้ายสนามแข่งขันฟุตบอลชายในสายเอ ที่มีทีมชาติไทยและกัมพูชาอยู่ด้วย กลับมาเตะที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

รัชพล มรรคศศิธร พร้อมด้วย นัทธมน ไล้สวน นักแบดมินตันคู่ผสม เจ้าของตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยปี 2024 เดินทางไปที่การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากกรณี ถูกตัดชื่อออกจากทีมชาติไทย ในชุดซีเกมส์ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ  โดยรัชพลและ นัทธมน ยืนยันว่าต้องการเล่นซีเกมส์ หรือได้รับการเยียวยาในเรื่องนี้อย่างเหมาะสม

ขณะที่ นายอุดมศักดิ์ ชื่นครุฑ เลขาธิการสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ แถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ประเด็นที่ทั้งคู่ไม่ติดทีมซีเกมส์ ต้องชี้แจงว่า จากนักกีฬา 26 คน สมาคมฯจำเป็นต้องตัดให้เลือก 20 คน คือประเภทชาย 10 คน หญิง 10 คน แน่นอนว่าต้องมี 6 คนที่หลุดทีมชาติชุดนี้  ซึ่งรวมถึงรัชพลและนัทธมน โดยสมาคมมีมติแล้วว่าอันดับโลกสำคัญกว่า รายการชิงแชมป์ประเทศไทย เนื่องจาก 4-5 ปีหลัง รายการชิงแชมป์ประเทศไทย ไม่มีนักกีฬาระดับโลกของไทยลงแข่งขันเลย เพราะติดโปรแกรมการแข่งขันอื่นๆ จึงต้องปรับการคัดเลือกให้เกียรตินักกีฬาระดับโลกทอป 32 คนของโลกติดทีมชาติก่อน

อย่างไรก็ตาม จากที่รัชพลกับนัทธมน ได้ยื่นข้อเสนอมา ขอให้เยียวยา แต่เป็นข้อเสนอที่สูงเกินไป ซึ่งสมาคมขอให้ทั้งคู่พิสูจน์ตัวเอง ในการแข่งขันรายการหนึ่ง หากสามารถเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้ สมาคมฯยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ได้ให้คำตอบกลับมา

ทั้งนี้ กรณีที่มีการยื่นเรื่องร้องเรียนจากนักกีฬา สมาคมกีฬา ตลอดจนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความโปร่งใสในการบริหารจัดการของสมาคมกีฬาต่างๆ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการรับเรื่องร้องทุกข์ของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ผู้บริหารในวงการกีฬา โดยมีนาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เป็นประธาน และมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อร้องเรียนต่างๆ และสรุปผลการตรวจสอบต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง