นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างไทย-กัมพูชา สร้างความสูญเสียต่อชีวิตของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ รัฐบาลขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวทหารผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว พร้อมทั้งขอสดุดีและแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณวีรบุรุษ ผู้เสียสละชีวิตทุกนาย ในความเสียสละอันยิ่งใหญ่จากการปฏิบัติหน้าที่รักษาความมั่นคงของประเทศ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการทุกส่วนราชการเร่งให้ความช่วยเหลือครอบครัววีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตทุกนาย ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน พร้อมกันนี้ได้มอบหมาย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหารหรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างไทย-กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. โดยให้ธนาคารฯ ยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับ ทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง
ด้าน นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร และปัจจุบันมีครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ดังนั้นเพื่อให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคารโดยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหารหรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย
ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง
อีกทั้ง รัฐบาลยืนยันจะร่วมต่อสู้เคียงคู่เหล่านักรบ ทหารกล้าของไทย พร้อมร่วมเคียงข้างพี่น้องประชาชนคนไทย ในส่วนของการเยียวยารัฐบาลจะบูรณาเร่งดำเนินการทุกมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง
กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานยุติธรรมจังหวัด เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างเร่งด่วน โดยสั่งการให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัดในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิและกฎหมายแก่กำลังพลและครอบครัวผู้เสียหายอย่างทันท่วงที เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมโดยไม่ล่าช้า โดยมีการดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ดังนี้
สำนักงานยุติธรรมจังหวัดปราจีนบุรี ลงพื้นที่พบกำลังพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา จำนวน 10 ราย ณ โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อแจ้งสิทธิและรับคำขอค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา พร้อมรวบรวมข้อมูลส่งต่อสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสระแก้ว
เพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป
สำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่พบกำลังพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ จำนวน 16 ราย ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ และโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อแจ้งสิทธิและรับคำขอค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา
สำนักงานยุติธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ ณ วัดหลวงพ่อเขียว อำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ความช่วยเหลือและแจ้งสิทธิแก่ครอบครัวของนายทหารผู้เสียสละชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณเนิน 677 ช่องอานม้า ซึ่งภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยได้ดำเนินการรับคำขอค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญาตามพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง และเร่งส่งต่อสำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาด้วยความรวดเร็วต่อไป
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีชายแดนไทย – กัมพูชา โดยภาพรวมสถานบริการสาธารณสุขในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ปิดให้บริการ 12 แห่ง รพ.สต. ปิดบริการสะสม 211 แห่ง ย้ายผู้ป่วยในไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเป็น 742 ราย ส่วนการดูแลสุขภาพจิต มีการคัดกรองประชาชนไปแล้ว 130,605 ราย พบเครียดสูงสะสม 1,127 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 156 ราย คัดกรองบุคลากรทางการแพทย์ 4,675 ราย พบเครียดสูงสะสม 78 ราย ทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจ และติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น ส่วนศูนย์พักพิงมีการเปิดเพิ่มขึ้นรวม 996 จุด มีผู้เข้าพักรวม 261,137 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 69,487 คน มีการส่งต่อผู้พักพิงไปรักษาในโรงพยาบาลสะสม 633 ราย
ขณะนี้มีประชาชนเข้ามาอยู่ศูนย์พักพิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้จัดทีมดูแลทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข หมุนเวียนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีการจัดกิจกรรมคลายเครียดให้กับประชาชน เฝ้าระวังควบคุมโรคและอนามัยสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องเลือดสำรองขณะนี้มีพอใช้ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ยังมีความต้องการเพื่อสำรองไว้รับสถานการณ์ที่อาจรุนแรงขึ้น ซึ่งประชาชนสามารถบริจาคเพิ่มเติมได้ตลอด
ด้าน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังและควบคุมโรคเชิงรุกในศูนย์พักพิง พบมีรายงานการป่วยเป็นกลุ่มก้อน เช่น ไข้หวัดใหญ่ อุจจาระร่วง ในหลายพื้นที่ แต่อัตราป่วยยังไม่เกินเกณฑ์เฝ้าระวัง และทีมสอบสวนควบคุมโรคสามารถควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดได้ ขณะที่น้ำอุปโภคที่ใช้ในศูนย์พังพิง มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำและแนะนำให้เติมคลอรีนให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน รวมทั้งแนะนำการคัดแยกขยะเพื่อนำไปกำจัดให้ถูกต้อง รักษาความสะอาดของห้องน้ำห้องส้วม และขอความร่วมมือประชาชนในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หากมีอาการเจ็บป่วยให้ปรึกษาบุคลากรการแพทย์ประจำศูนย์พักพิง เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค ตลอดจนดูแลสุขภาพจิตใจของกันและกันเพื่อลดความเครียด
กรมควบคุมโรค ส่งทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (Surveillance and Rapid Response Team: SRRT) 37 ทีม ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ป้องกันควบคุมโรคในศูนย์อพยพ มีหน้าที่ดำเนินการเฝ้าระวังโรคติดต่อทางเดินหายใจ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคติดต่อนำโดยแมลง รวมถึงโรคที่เกิดจากการบาดเจ็บ อุบัติเหตุ พร้อมทั้งประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและภัยสุขภาพและสนับสนุนยาเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ สารเคมีในศูนย์อพยพทั้ง 7 จังหวัด
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่งทีม “พม.ใกล้คุณ” จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับ อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ร่วมกันให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และดูแลผู้อพยพจากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเดินทางเข้าพักอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว จังหวัดบุรีรัมย์ ได้จัดตั้งโรงทาน “ครัว พม.บุรีรัมย์” เพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบ








