กรมอนามัย เร่งเสริมคลอรีนและสบู่ล้างมือในศูนย์พักพิงชายแดนไทย–กัมพูชา ให้เพียงพอ

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้าพักในศูนย์พักพิง 263,105 คน ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสุขาภิบาลอาหารและน้ำ โดยเฉพาะการขาดแคลนคลอรีนสำหรับใช้ฆ่าเชื้อในน้ำอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ ระบบเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในศูนย์พักพิง พบว่า ผลตรวจคลอรีนอิสระคงเหลือในน้ำต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน อาจเสี่ยงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้ นอกจากนี้ ยังพบปัญหาสบู่ล้างมือไม่เพียงพอ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ ไวรัสตับอักเสบเอและเกิดการปนเปื้อน จากกระบวนการปรุงประกอบการล้างทำความสะอาดอาหาร ภาชนะ อุปกรณ์ได้ กรมอนามัยจึงได้ส่งทีม SEhRT ลงพื้นที่ดูแลด้านสุขาภิบาลอาหารและน้ำ เร่งให้ความรู้กับประชาชนในศูนย์พักพิง ทั้งการตรวจวัดระดับคลอรีนและการเติมคลอรีน เร่งจัดหาคลอรีนให้เพียงพอ รวมถึงให้คำแนะนำในการล้างมือที่ถูกต้อง และการใช้ห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรค

สำหรับการจัดเตรียมและปรุงประกอบอาหารที่ถูกหลักสุขาภิบาลอาหาร ผู้เตรียมอาหารต้องล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนจัดอาหาร การเตรียม ทำ ประกอบหรือปรุงอาหารบนโต๊ะสูงจากพื้น อย่างน้อย 60 ซม. ให้อยู่ในร่ม ไม่จัดหรือวางอาหารตากแดด แจกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง บรรจุอาหารในกล่องที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แยกตามประเภทอาหาร และทิ้งขยะในบริเวณที่กำหนด ประชาชนที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง ต้องล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนรับประทานอาหารและหลังออกจากห้องส้วมเช่นเดียวกัน

สำหรับประชาชนที่จะร่วมบริจาคอาหาร ขอให้หลีกเลี่ยงอาหารที่เน่าเสียง่าย เช่น อาหารหมักดอง อาหารค้างคืน อาหารไม่สุก อาหารที่ทำจากกะทิ ยำ พร้อมแนะแนวทางการบริจาคอาหาร เน้น อาหารแห้ง เช่น ข้าวสาร ปลากรอบ ไก่เค็ม หมูเส้น กุนเชียง อาหารสำเร็จรูป เช่น ข้าวสวยกระป๋อง ปลากระป๋อง ผลไม้แห้ง เช่น กล้วยตาก มะม่วงกวน และที่สำคัญคือ น้ำดื่ม นม น้ำผลไม้บรรจุกล่อง ทั้งหมด ขอให้ตรวจสอบวันหมดอายุและลักษณะของบรรจุภัณฑ์ต้องปิดสนิท ไม่ขาด ไม่บวม หรือขึ้นรา เพราะการดูแลด้านสุขาภิบาลอาหารและน้ำ และสุขอนามัยในศูนย์พักพิงอย่างเข้มงวด ช่วยลดความเสี่ยงการเจ็บป่วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง