นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนา “เพิ่มศักยภาพท้องถิ่นเพื่อการขับเคลื่อนอนาคตไทยอย่างยั่งยืน” ณ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมมอบนโยบายสำคัญต่อผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยมีร้อยตรี สรมงคล มงคละสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี รองศาสตราจารย์ ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสมาคม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชมงคลสุวรรณภูมิ และผู้เข้าร่วมสัมมนาจากทั่วประเทศและทางออนไลน์กว่า 5,000 คน ให้การต้อนรับและเข้าร่วม
นางสาวธีรรัตน์ฯ กล่าวในพิธีเปิดว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ในการร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนจากฐานราก “การพัฒนาท้องถิ่น คือรากฐานของความยั่งยืนของประเทศ เราจำเป็นต้องเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากรในระดับพื้นที่ ให้สามารถบริหารจัดการภารกิจที่ซับซ้อนและท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวธีรรัตน์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี ทำให้การพัฒนาท้องถิ่นกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศจากฐานราก โดยรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายในแนวทางการกระจายอำนาจอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งในด้านงบประมาณ อำนาจการตัดสินใจและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรท้องถิ่น
เราต้องก้าวทันโลกและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อะไรก็ตามที่ว่ายากหรือทำไม่ได้ หากเราตั้งใจที่จะทำก็จะประสบความสำเร็จ นโยบายของรัฐบาลจะสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าได้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารท้องถิ่นต้องมีความเข้าใจ นำสู่การปฏิบัติ เกิดเป็นผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวธีรรัตน์ ย้ำว่า ท้องถิ่นคือ “เส้นเลือดฝอยของประเทศ” ที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกมิติของการเปลี่ยนแปลงและท้องถิ่นต้องเป็นผู้กำหนดทิศทางการพัฒนา เป็นผู้ออกแบบอนาคตของพื้นที่ได้ด้วยตนเอง
ภายใต้แนวนโยบายรัฐบาล ยังได้เดินหน้าปฏิรูปและผลักดันการจัดทำงบประมาณให้สอดคล้องกับปัจจุบันมากขึ้น โดยเดินหน้าปฏิรูประบบการจัดทำงบประมาณ เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารงานท้องถิ่น ผลักดันการบริหารแบบ Area-Based เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตรงจุด และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามบริบทและความจำเป็นของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง โครงการสัมมนาครั้งนี้ จึงเป็นเวทีสำคัญในการเสริมองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และวางรากฐานให้ท้องถิ่นไทยก้าวสู่อนาคตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน