คณะรัฐมนตรีรับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2568 เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
1. เดิมคณะรัฐมนตรีมีมติ (2 เมษายน 2567) รับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรมลงวันที่ 27 มีนาคม 2567 เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2567 เป็นต้นไป โดยใช้สำหรับนายจ้างและลูกจ้างที่ทำงานในสถานประกอบกิจการประเภทกิจการโรงแรม ระดับ 4 ดาวขึ้นไป และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ในพื้นที่ 10 จังหวัดนำร่อง(กรุงเทพมหานคร กระบี่ ชลบุรี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา ภูเก็ต ระยอง สงขลา และสุราษฎร์ธานี) ในเขตพื้นที่ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง โดยให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่ม เป็นอัตราวันละ 400 บาท (ปรับเพิ่มอัตราวันละ 30-55 บาท เฉพาะบางเขตพื้นที่)ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติ (24 ธันวาคม 2567) รับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้างเรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 13) ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มในอัตราวันละ 7-55 บาท เป็นอัตราวันละ 337-400 บาท โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 จำแนกเป็น 17 อัตรา สรุปได้ ดังนี้
1.1 กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
1.2 กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 380 บาท ใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
1.3 กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นอัตราวันละ 372 บาท ในเขตท้องที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการและสมุทรสาคร (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5)
1.4 กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 67 จังหวัดที่เหลือ โดยปรับค่าจ้างขั้นต่ำ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2
2. ในครั้งนี้คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 (คณะกรรมการชุดปัจจุบัน) ได้พิจารณาทบทวนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2568 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 โดยได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ใน 3 กลุ่ม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น (1) แรงงานมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น (2) ผู้ประกอบการสามารถลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจะจูงใจให้มีแรงงานเข้าสู่สถานประกอบกิจการมากขึ้น ดังนี้
2.1 ให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่กรุงเทพมหานคร (ทุกพื้นที่) เพิ่มในอัตราวันละ 28 บาท เป็นอัตราวันละ 400 บาท (เดิม 372 บาท)
2.2 ให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในประเภทกิจการโรงแรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม (ตามกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566) เฉพาะโรงแรมประเภท 2 (โรงแรมที่มีห้องพัก 50 ห้องขึ้นไป หรือมีห้องพักและห้องอาหารหรือสถานที่ประกอบอาหาร) ประเภท 3 (โรงแรมที่มีห้องพัก ห้องอาหารหรือสถานที่ประกอบอาหาร สถานบริการ หรือ ห้องประชุมสัมมนา) และ ประเภท 4 (โรงแรมที่มีห้องพัก ห้องอาหารหรือสถานที่ประกอบอาหาร สถานบริการ และ ห้องประชุมสัมมนา) ทั่วประเทศ เป็นอัตราวันละ 400 บาท
2.3 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในประเภทกิจการสถานบริการ ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ทั่วประเทศ เป็นอัตราวันละ 400 บาท (กิจการสถานบริการ หมายถึง สถานบริการตามพระราชบัญญัติสถานบริการ ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2546 เช่น สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายหรือให้บริการโดยมีรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่ง (เช่น จัดให้มีการแสดงดนตรีและการแสดงเพื่อการบันเทิงซึ่งปิดทำการหลังเวลา 24.00 น.)
ทั้งนี้ คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ได้เห็นชอบให้ประกาศใช้บังคับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป โดยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่อำเภอและจังหวัดอื่น ๆ ยังเป็นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเดิมตามประกาศ คณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 13) ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2567
3. คณะกรรมการค่าจ้างจึงได้ออกประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2568 โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป และให้ยกเลิก (1) ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ประเภทกิจการโรงแรม ลงวันที่ 27 มีนาคม 2567 และ (2) ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 13) ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2567
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 3 กลุ่ม ได้แก่
1. กรุงเทพมหานคร ทุกประเภทกิจการ
2. ในประเภทกิจการโรงแรมตามกฎหมาย (โรงแรมประเภท 2, 3, 4) ทั่วประเทศ โดยยกเว้นโรงแรมประเภทที่ 1 เนื่องจากเป็นโรงแรมที่ให้บริการเฉพาะห้องพักและมีห้องพักไม่เกิน 50 ห้อง
3. ประเภทกิจการสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการทั่วประเทศ ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มจำหน่าย เช่น ไนต์คลับ ผับ บาร์ อาบอบนวด คาราโอเกะ เป็นต้น
การปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้ เป็นผลจากการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง บนหลักความเสมอภาคและรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย เพื่อให้การประกอบธุรกิจเดินหน้าต่อได้ พร้อมกับให้แรงงาน
มีรายได้ที่เพียงพอและเหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานทั่วไปให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน ควบคู่กับการรักษาสมดุลในการประกอบธุรกิจของนายจ้าง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
รายละเอียดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ 1 กรกฎาคม 2568 ได้แก่
• 400 บาท: กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี (อ.เกาะสมุย) โรงแรมประเภท 2, 3, 4 ทั่วประเทศ และสถานบริการทั่วประเทศ
• 380 บาท: อ.เมืองเชียงใหม่ อ.เมืองสงขลา
• 372 บาท: นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร
• 359 บาท: นครราชสีมา
• 358 บาท: สมุทรสงคราม
• 357 บาท: ขอนแก่น เชียงใหม่ (ยกเว้น อ.เมืองเชียงใหม่) ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี
• 356 บาท: ลพบุรี
• 355 บาท: นครนายก สุพรรณบุรี หนองคาย
• 354 บาท: กระบี่ ตราด
• 352 บาท: กาญจนบุรี จันทบุรี เชียงราย ตาก นครพนม บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา พิษณุโลก มุกดาหาร สกลนคร สงขลา (ยกเว้น อ.เมืองหาดใหญ่) สระแก้ว สุราษฎร์ธานี (ยกเว้น อ.เกาะสมุย) อุบลราชธานี
• 351 บาท: ชุมพร เพชรบุรี สุรินทร์
• 350 บาท: นครสวรรค์ ยโสธร ลำพูน
• 349 บาท: กาฬสินธุ์ นครศรีธรรมราช บึงกาฬ เพชรบูรณ์ ร้อยเอ็ด
• 348 บาท: ชัยนาท ชัยภูมิ พัทลุง สิงห์บุรี อ่างทอง
• 347 บาท: กำแพงเพชร พิจิตร มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลำปาง เลย ศรีสะเกษ สตูล สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี
• 345 บาท: ตรัง น่าน พะเยา แพร่
• 337 บาท: นราธิวาส ปัตตานี ยะลา
นายบุญสงค์ ย้ำว่า การปรับค่าแรงครั้งนี้ เป็นการดำเนินการบนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อแรงงานไทยทุกคน และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาชีพ รายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับแรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง