นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ ณ กลุ่มมังคุดบ้านนากุน หมู่ที่ 7 ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายสมชาย ลีหล้าน้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส. นครศรีธรรมราช ให้การต้อนรับ และจัดกิจกรรมเชื่อมโยงผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต
นายจตุพร กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาเยี่ยมพี่น้องชาวสวนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีโอกาสพบปะพี่น้องเกษตรกรชาวสวนมังคุด เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ภาคใต้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมไปด้วยกัน โดยเฉพาะปัญหาความเดือนร้อนของเกษตรกร ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นภารกิจแรกหลังการเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งวันนี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระยะสั้น กรมการค้าภายใน ได้นำผู้ประกอบการทั้งห้างค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ สถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งไปรษณีย์ไทย เข้ามาช่วยรับซื้อผลผลิตมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 2,200 ตัน เพื่อนำไปจำหน่ายยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว จะมีการหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ พร้อมยืนยันสถานการณ์มังคุดจะคลี่คลายลงใน 2 สัปดาห์ ผ่านกลไกความร่วมมือของทุกภาคส่วนด้วยนโยบายไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่า กิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการการกระจายผลผลิตมังคุดนครศรีธรรมราชไปสู่ผู้บริโภค โดยจะปล่อยคาราวานมังคุดของพี่น้องเกษตรกร จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนของเกษตรกรในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งหมด 4 กลุ่มใน 3 อำเภอ ได้แก่ พรหมคีรี ฉวาง และท่าศาลา รถบรรทุกจำนวน 13 คัน ผลผลิตมังคุดรวมกว่า 40 ตัน มูลค่ากว่า 1,050,000 บาท ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งในมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ที่จะช่วยพี่น้องเกษตรกรนครศรีธรรมราช ให้ผลไม้มีแหล่งจำหน่ายโดยกระจายไปในที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
นายจตุพร ระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้คือความร่วมมือกันในการช่วยเหลือกัน ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะดำเนินนโยบายไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อให้คนไทยได้สนับสนุนช่วยเหลือกัน เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและสร้างรอยยิ้มให้พี่น้องเกษตรกรทุกครอบครัว โดยเชื่อมั่นว่าหากเราร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องเกษตรกร จะก้าวข้ามทุกอุปสรรค
ไปด้วยกันได้
ด้านนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกิจกรรมเชื่อมโยงผลไม้ออกนอกแหล่งผลิตว่า กรมการค้าภายในได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยได้นำผู้แทนของภาคเอกชนลงพื้นที่เพื่อพบกับพี่น้องเกษตรกรด้วย ประกอบด้วย ห้างค้าปลีกค้าส่ง มารับซื้อผลผลิตมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยแบ่งเป็น แม็คโคร โลตัส (ในเครือซีพี แอ็กซ์ตร้า) จำนวน 1,300 ตัน บิ๊กซี จำนวน 650 ตัน ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 130 ตัน โก โฮลเซลล์ จำนวน 40 ตัน และห้างเดอะมอลล์ จำนวน 80 ตัน รวมปริมาณผลผลิตมังคุดนครศรีธรรมราชที่เข้าสู่กลไกของห้างค้าปลีกค้าส่ง จำนวน 2,200 ตัน
สำหรับคาดการณ์ผลผลิตมังคุดในภาคใต้ มีปริมาณ 109,697 ตัน โดยเป็นผลผลิตของจังหวัดนครศรีธรรมราช ปริมาณ 40,063 ตัน ขณะนี้ได้เริ่มออกสู่ตลาดแล้วกว่า 40% และเพื่อเป็นการรองรับผลผลิตดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้มีแผนและมาตรการรองรับผลผลิตในส่วนของภาคใต้รวมกว่า 64,000 ตัน ผ่านมาตรการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่ตลาดของผู้บริโภคโดยการรับซื้อจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ที่ตั้งเป้าการรับซื้อกว่า 6,000 ตัน กิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ Thai Fruit Festival 2025 และห้างซุปเปอร์ชีปทั่วภาคใต้ กว่า 2,000 ตัน เชื่อมโยงมังคุดภาคใต้ผ่านห้างค้าปลีกค้าส่ง ปริมาณ 6,000 ตัน ประสานผู้ส่งออกเร่งเข้ามารับซื้อผลไม้ภาคใต้ในพื้นที่ ตั้งเป้ามังคุดนครศรีธรรมราช วันละ 300 ตัน รวมกว่า 15,000 ตัน เพิ่มศักยภาพและส่งเสริมสภาพคล่องให้ผู้รวบรวมรับซื้อผลไม้เพื่อส่งออก ทั้งทุเรียนและมังคุดปริมาณรวม 35,000 ตัน
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการวันแรกที่กระทรวงฯ เปิดเผยว่า ได้มีการหารือเบื้องต้นเกี่ยวกับการแบ่งงานภายในกระทรวง โดยจะรอการลงนามมอบหมายงานอย่างเป็นทางการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านต่างประเทศเป็นหลัก
ภารกิจด้านต่างประเทศถือเป็นเรื่องที่ท้าทายและมีข้อจำกัดด้านเวลา โดยเฉพาะในประเด็นความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา แม้จะเป็นเรื่องใหญ่แต่พร้อมที่จะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ การเจรจาที่ผ่านมามีความคืบหน้าไปมาก ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ต่างมีแผนที่ชัดเจน มั่นใจว่าเราจะเจรจาเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ”
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุถึง 3 ภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที ได้แก่
1. การเจรจาการค้า ทั้งในระยะสั้น เช่น การขอลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนไทยได้รับประโยชน์สูงสุด รวมถึงการเจรจาในระยะกลาง เช่น ความตกลง FTA กับสหภาพยุโรปและเกาหลีใต้ ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างมากและจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยในระยะกลางและระยะยาว
2. การวางรากฐานให้ธุรกิจไทยแข่งขันได้ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ พร้อมร่วมทีมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำพาธุรกิจไทยสู่การแข่งขันอย่างยั่งยืน
3. ดูแลราคาสินค้าเกษตร โดยให้ความสำคัญกับเสถียรภาพด้านราคา และการสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกร
ทั้งนี้ ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทางไปประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคายและร่วมเป็นประธานเปิดงานมหกรรมการค้าชายแดน จังหวัดหนองคายด้วย