ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญ
สถานการณ์การสู้รบ สภาพอากาศตามแนวชายแดนยังปรากฏฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ภาพรวมสถานการณ์ในช่วงบ่ายจนถึงช่วงกลางคืนของวันที่ 26 ก.ค.68 มีการปฏิบัติที่สำคัญจำนวน 7 พื้นที่ (ลดลงจากวันแรก 3 พื้นที่)
1. พื้นที่ช่องบก ทั้ง 2 ฝ่าย ตรึงกำลังและปรากฏข่าวสารว่ามีการเคลื่อนย้ายกำลังบางส่วนมาช่วยในพื้นที่ภูมะเขือ พื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายเราดำเนินการเข้าควบคุมพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการ 1 : 50,000 ขณะที่กำลังประเทศกัมพูชาได้เคลื่อนย้ายลงไปทางทิศใต้
2. พื้นที่ภูผี – ปราสาทโดนตวลและช่องตาเฒ่า ยังตรึงกำลังกันอยู่ ฝ่ายประเทศกัมพูชาน่าจะมีการสูญเสียอย่างหนัก สำหรับผู้บัญชาการกองพลของประเทศกัมพูชา ที่ปรากฏข่าวสารว่าเสียชีวิตเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่นี้ อย่างไรก็ตามในการปฏิบัติการทางทหารแล้ว ยังไม่สามารถยืนยันข่าวสารนี้ได้
3. พื้นที่ด้านหน้าเขาพระวิหาร ยังคงมีการสู้รบกันอยู่ โดยอาวุธหลักของประเทศกัมพูชา คือการใช้พลซุ่มยิงจากพื้นที่ปราสาทพระวิหาร มุ่งทำร้ายกำลังพลของเรา ขณะที่พื้นที่ภูมะเขือ ฝ่ายเรายังคงควบคุมพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการ 1: 50,000 เอาไว้ได้
4. พื้นที่ช่องจอม มีการใช้อาวุธยิงสนับสนุน โจมตี บ้านเรือนประชาชนไทย และพื้นที่ปราสาทตาควาย และฝ่ายประเทศกัมพูชา มีความพยายามในการส่งรถถัง ขึ้นมายังพื้นที่ช่องกร่าง ทางทิศตะวันตกปราสาทตาควาย 2 กิโลเมตร
5. พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม มีการปรับรูปขบวนเข้าตีทางทิศตะวันออกปราสาทตาเมือน ตลอดทั้งวัน จนฝ่ายเราต้องถอนตัวออกจากพื้นที่และใช้ปืนใหญ่โจมตีทำให้ฝ่ายประเทศกัมพูชาต้องถอนตัวออกไป
สำหรับการปฏิบัติในวันที่ 27 ก.ค.68 ในช่วงเช้า เวลาประมาณ 06.30 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้จรวดไม่ทราบชนิดจากที่ตั้งสนามบินกรุงสำโรง จำนวน 4 นัด ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนไทย 2 หลัง สัตว์เลี้ยง 5 ตัว การปฏิบัติของฝ่ายเราที่สำคัญ ได้แก่ การเข้าควบคุมพื้นที่ตามแนวเส้นปฏิบัติการ 1: 50,000 บริเวณช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
พื้นที่ซึ่งประเทศกัมพูชายังคงมีความพยายามในการเข้าพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ช่องตาเฒ่า ด้านหน้าเขาพระวิหารและภูมะเขือ พื้นที่ช่องจอม ปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน ซึ่งการรุกรานดังกล่าว อาจสร้างผลกระทบต่อประชาชนตามแนวชายแดน จากการยิงอาวุธที่ไม่มีรูปแบบ ไม่เป็นไปตามกฎการปะทะของฝ่ายกัมพูชาก็เป็นได้
ภาพรวมของสถานการณ์ ยังมีความตึงเครียดสูงและฝ่ายกัมพูชาอาจกำลังเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหาร เพื่อสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายเราให้มากที่สุดในช่วงสุดท้ายก่อนการเจรจา โดยปัจจุบันได้มีประเทศเป็นกลางเสนอแนวทางในการยุติความขัดแย้งออกมาแล้วหลายประเทศโดยเฉพาะความเห็นของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
สำหรับการอพยพประชาชน สนับสนุนส่วนราชการจังหวัดในการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน พื้นที่ตอนในทั้ง 4 จังหวัดคือ จังหวัดบุรีรัมย์ 1 จุด 10,173 คน จังหวัดสุรินทร์ 71 จุด 40,736 คน จังหวัดศรีสะเกษ 135 จุด 39,580 คน และจังหวัดอุบลราชธานี อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 76 จุด 16,588 คน ปัจจุบันดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือนแล้ว 107,077 คน (เพิ่มขึ้น 9,646 คน)
ส่วนผลกระทบต่อประชาชน พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ 3 ลูก ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ 16 ลูก บ้านโสร์ ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ 9 ลูก บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง (ประชาชน ไม่มีรายงานการสูญเสียต่อชีวิต)
ส่วนเรื่องอื่นๆ ได้มีการขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารและการแจ้งเตือนจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เฟซบุ๊กแฟนเพจกองทัพบก Royal Thai Army, เพจกองทัพภาคที่ 2 เป็นต้น และขอความร่วมมือไม่แชร์ข้อมูลจากแหล่งที่มาข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ ขอให้งดการโพสต์ หรือแชร์ภาพการเสียชีวิตของทหารกัมพูชา ซึ่งเป็นภาพที่น่าหดหู่ เพื่อให้เกียรติแก่ผู้เสียชีวิต
จิตอาสาพระราชทาน การช่วยเหลือประชาชน ดูแลและช่วยเหลือประชาชน โดยจัดกำลังจิตอาสา 904, จิตอาสาพระราชทาน และจิตอาสา เข้าอำนวยความสะดวกประชาชนในศูนย์พักพิงชั่วคราว และช่วยขนย้ายสิ่งของ รวมทั้งช่วยในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนได้รับทราบ ในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี และจิตอาสา 904 จากศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน จังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งสิ้นจิตอาสา 904 จำนวน 147 นาย จิตอาสาประชาชน 2,480 คน และ รด.จิตอาสา 220 นาย
การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ มีโรงครัวพระราชทาน 1 แห่ง รถประกอบอาหาร 2 คัน และมีร้านอาหารเอกชน ณ สนามช้างอารีน่า จังหวัดสุรินทร์ โรงครัวพระราชทาน 3 แห่ง รถประกอบอาหาร 2 คัน จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ อำเภอเมือง และที่โรงเรียนโสตศึกษา อำเภอปราสาท จังหวัดศรีสะเกษ โรงครัวพระราชทาน 2 แห่ง รถประกอบอาหาร 2 คัน จัดตั้งที่ วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ อำเภอกันทรลักษ์, ที่โรงเรียนเบญจลักษณ์วิทยา อำเภอกันทรลักษ์ และจังหวัดอุบลราชธานี โรงครัวพระราชทาน 1 แห่ง รถประกอบอาหาร 2 คัน จัดตั้งที่ ที่ว่าการอำเภอเดชอุดม รวมข้าวที่แจกจ่าย ตั้งแต่วันที่ 24 – 27 ก.ค. 68 จำนวน 125,100 กล่อง
การปฏิบัติที่สำคัญ ศอ.จอส.พระราชทาน จังหวัดนครราชสีมา โดย สำนักงาน ปภ.จังหวัดนครราชสีมา จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวให้กับผู้อพยพจากพื้นที่ประสบภัย เหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา โดยจัดตั้งในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสิงสาง รวม 399 คน วัดสว่างวนาราม ตำบลเสิงสาง 22 คน วัดหนองสนวน ตำบลกุดโบสถ์ 127 คน พักอาศัยอยู่บ้านญาติ 250 คน อำเภอหนองบุญมาก รวม 254 คน (พักบ้านญาติทั้งหมด) อำเภอชุมพวง รวม 52 คน พักบ้านญาติ 47 คน วัดเกาะท่าลาด ตำบลท่าลาด 5 คน รวมทั้งสิ้น 705 คน