ชุดข้อมูลการช่วยเหลือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา
“รวมใจไทยหนึ่งเดียว”
ประจำวันที่ 27 กันยายน 2568
โดย กองส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ภาครัฐ กรมประชาสัมพันธ์
กองทัพบก จารึกนามวีรชนทหารกล้าบนกำแพงอนุสรณ์กองทัพบก จัดพิธีสดุดีกำลังพลผู้สละชีพเพื่อชาติ
(26 ก.ย. 68) กองทัพบก จัดพิธีสดุดีกำลังพลที่เสียชีวิตจากสถานการณ์กรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรำลึกและยกย่องวีรกรรมอันกล้าหาญของทหารผู้เสียสละ ณ กองบัญชาการกองทัพบก โดยมีพลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน พร้อมด้วย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พลโท ไพบูลย์ พุ่มพิเชฏฐ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก พลโท ณรงค์ฤทธิ์ คำภีระ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ พลตรี สิทธิพร จุลปานะ รองแม่ทัพน้อยที่ 1 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 1 ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงกองทัพบก ผู้บังคับบัญชาและทายาทของผู้เสียชีวิต ผู้แทนองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ทหารผ่านศึก และกำลังพลกองทัพบกเข้าร่วมพิธี ณ บริเวณหน้ากำแพงอนุสรณ์กองทัพบก ซึ่งเป็นสถานที่สถิตนามวีรชนกองทัพบกที่สละชีพเพื่อชาติปกป้องแผ่นดินไทยในสมรภูมิสู้รบต่าง ๆ เริ่มต้นด้วยพิธีทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แด่ทหารผู้ล่วงลับ จากนั้นมีการจัดกองทหารเกียรติยศแสดงความเคารพ ก่อนที่ผู้เข้าร่วมพิธีจะกล่าวคำสดุดีฯ และผู้บัญชาการทหารบกประดับแผ่นป้ายจารึกรายนามทหารกล้าที่สละชีพเพื่อชาติจากสมรภูมิชายแดนไทย – กัมพูชา ลงบนแท่นประทับ โดยมีพลแตรเดี่ยวเป่าเพลงเคารพพร้อมกับการยิงสลุตเพื่อเป็นเกียรติแก่กำลังพลที่เสียชีวิตและการวางพวงมาลาเพื่อแสดงความอาลัยแด่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษนักรบไทย
สำหรับรายนามวีรชนทหารกล้าหาญจากสมรภูมิรบชายแดนไทย – กัมพูชา ที่ถูกจารึกไว้ ณ กำแพงอนุสรณ์กองทัพบก มีทั้งสิ้น 16 นาย ดังนี้
1. จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา สังกัด กองพันปืนใหญ่ที่ 106 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 6
2. จ่าสิบเอก ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13
3. จ่าสิบเอก อโณทัย ป้องแก้ว สังกัด กองพันปฏิบัติการพิเศษ
4. จ่าสิบเอก อภิรมย์ ทรงพุฒิ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 8
5. สิบเอก กฤษฎา น้อยโครต สังกัด กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6
6. สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น สังกัด กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6
7. สิบเอก จิรายุส อินทุมาน สังกัด กองพันจู่โจม
8. สิบเอก นพพล บุญเลิศ สังกัด กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6
9. สิบเอก อัมรินทร์ ผาสุข สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23
10. สิบโท ต่อพงษ์ พันดวง สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16
11. สิบโท ศราวุฒิ นามสวัสดิ์ สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 8
12. สิบตรี วรัญชิต ยวงสุวรรณ สังกัด กรมทหารราบที่ 13
13. พลทหาร ญาณพัฒน์ โครตสาขา สังกัด กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3
14. พลทหาร ธีรยุทธ กระจ่างทอง สังกัด กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2
15. พลทหาร พิทยุตม์ โสดา สังกัด กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23
16. พลทหาร สิรวิชญ์ ภิญโญสุข สังกัด กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8
นอกจากนี้ ยังมีการจัดพิธีสงฆ์อุทิศส่วนกุศลแด่กำลังพลที่เสียชีวิต ณ หอประชุมกิตติขจร โดยมีพระราชวัชรธรรมโสภณ (ศิลา สิริจนฺโท หรือหลวงปู่ศิลา) วัดพระธาตุหมื่นหิน จังหวัดกาฬสินธุ์ และคณะ ประกอบพิธีสงฆ์ ได้แก่ การสวดพระพุทธมนต์ การถวายภัตตาหารและเครื่องไทยธรรม พร้อมทั้งทอดผ้าบังสุกุล จากนั้นเป็นพิธีมอบเงินช่วยเหลือแก่ทายาทของกำลังพลที่เสียชีวิต โดยผู้เข้าร่วมพิธีได้รับชมวีดิทัศน์สดุดีกำลังพลที่เสียชีวิตก่อนที่ผู้บัญชาการทหารบกจะมอบเงินช่วยเหลือและของที่ระลึกให้แก่ทายาทของกำลังพลที่เสียชีวิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ครอบครัวทหารกล้าผู้เสียสละ รวมถึงมีการบรรยายพิเศษ โดยพลเอก บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อให้ข้อคิดและสร้างแรงบันดาลใจแก่กำลังพลกองทัพบก
ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวสดุดีและเชิดชูเกียรติกำลังพลที่เสียชีวิต ความว่า “เหล่าทหารหาญได้อุทิศกำลังกาย กำลังใจ ยืนหยัดต่อสู้ และยอมสละชีพ เพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตยของชาติ ด้วยความองอาจ สมเกียรติและศักดิ์ศรีของการเป็นชายชาติทหาร แม้ในสมรภูมิจะเต็มไปด้วยอันตรายและสถานการณ์ความตึงเครียดที่ไม่อาจประเมินได้ แต่ทหารกล้าทั้งหลาย มิได้ย่อท้อต่อภารกิจ พร้อมเป็นแนวหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อต้านผู้รุกราน เพื่อรักษาไว้ซึ่งบูรณภาพแห่งดินแดนให้ชนในชาติได้มีแผ่นดินอยู่อาศัยด้วยความสงบสุขร่มเย็น ในนามของกองทัพบก ขอสดุดี และเชิดชูวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของเหล่าวีรชนทหารกล้าที่ได้ทำหน้าที่ทหารของชาติอย่างสมบูรณ์ โดยกองทัพบกจะดูแลครอบครัวของเหล่าทหารกล้าให้ดีที่สุดเพื่อเชิดชูเกียรติและตอบแทนความเสียสละของท่านเหล่านี้ คุณงามความดี และความกล้าหาญเสียสละของทุกท่านจะไม่มีวันสูญเปล่า และจะเป็นเกียรติภูมิที่สถิตอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป”