นายกฯ ชูความร่วมมือไทย – จีน 5 มิติ ผลักดันเป็น “สปริงบอร์ด” นำเศรษฐกิจ นวัตกรรมของภูมิภาค

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Thailand–China Cooperation Expo 2025” โดยมีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนฤตม์ เทิดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย คณะกลไกประสานงานและส่งเสริมธุรกิจไทย–จีนอย่างยั่งยืน (TCTM) ได้แก่ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน นายหลิว เฉวียนเหลย นายกสมาคมการค้าวิสาหกิจจีนในไทย รวมทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการชั้นนำของไทยและจีนเข้าร่วม

พลเอก สุรยุทธ์ กล่าวเปิดงานว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นเครื่องสะท้อนถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้น ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความร่วมมือรอบด้านที่ไทยและจีนสั่งสมมายาวนาน ความสัมพันธ์ในระดับประมุขแห่งรัฐได้รับการสืบทอดอย่างมั่นคงจากพระราชสำนักของทั้งสองประเทศตั้งแต่อดีต อันเป็นรากฐานของความไว้วางใจและความซื่อสัตย์ที่ดำเนินต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันในระดับรัฐต่อรัฐ ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นการเคารพและให้เกียรติโดยไม่แทรกแซงกิจการภายในกันและกัน ขณะที่ระดับประชาชนมีความใกล้ชิดเสมือนครอบครัวเดียวกันดังคำกล่าว “จีน–ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ส่วนในระดับภาคเอกชน ทั้งสองประเทศได้ร่วมกันขับเคลื่อนด้านธุรกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้คนรุ่นหลังได้ต่อยอด ในปีอันเป็นมงคลนี้ ไทยและจีนยังได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสำคัญอีกหลายโครงการ
เพื่อยืนยันพลังแห่งมิตรภาพและการก้าวเดินไปข้างหน้าร่วมกันอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานในวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ร่วมกันสร้างรากฐานความร่วมมือที่มั่นคงในทุกมิติ ทั้งด้านการค้า การลงทุน และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่ารากฐานนี้จะนำไปสู่โอกาสใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยจีนได้พิสูจน์ให้โลกเห็นถึงพลังแห่งการพัฒนา โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล และการเป็นผู้นำในพลังงานสะอาด ขณะเดียวกันประเทศไทยก็กำลังยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจเพื่อตอบโจทย์การเติบโต
ในอนาคต การบรรจบกันของศักยภาพทั้งสองประเทศจึงเป็นโอกาสทองที่จะร่วมกันสร้างความเจริญรุ่งเรือง
ในหลายมิติ

นายกรัฐมนตรีได้เสนอทิศทางความร่วมมือไทย–จีนในอนาคต ซึ่งครอบคลุม 5 มิติสำคัญ ได้แก่

 1. การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เช่น การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ซึ่งไม่เพียงเชื่อมโยงสองประเทศ แต่ยังเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมอาเซียนกับจีนตอนใต้ สร้างเครือข่ายการค้า และการท่องเที่ยวไร้รอยต่อ

2. เศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาด ไทยพร้อมเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ โดยมีจีนเป็นพันธมิตรหลัก นอกจากนี้ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ไทยและจีนยังได้ร่วมกันกำหนดแผนพัฒนาการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจฉบับใหม่ ระยะ 5 ปี ช่วง พ.ศ. 2568-2572 เพื่อขยายความร่วมมือสู่สาขายุทธศาสตร์ใหม่ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่ การผลิตสีเขียว เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

3. เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ทั้งสองประเทศจะสร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจดิจิทัล เชื่อมโยงระบบการเงิน การค้าข้ามพรมแดน และการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME และสตาร์ทอัพเข้าถึงตลาดใหม่ได้สะดวกยิ่งขึ้น

4. การเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งสำคัญมากกับประเทศผู้ผลิตอย่างไทย และประเทศที่มีประชากรมหาศาลอย่างจีน 

5. การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ครอบคลุมการศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากรวิชาชีพ ตลอดจนการเรียนรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ไทย–จีน มีความแน่นแฟ้นอยู่บนรากฐานของความเข้าอกเข้าใจ ต่อยอดจากมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษของทั้งสองประเทศได้สืบสานมายาวนาน

 นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยมุ่งมั่นจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมของภูมิภาค โดยจะร่วมมือกับจีนอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าลดอุปสรรค ปรับปรุงกฎระเบียบ และเพิ่มความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ภาคเอกชนทั้งสองประเทศเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง

โดยประเทศไทยจะพิสูจน์ว่า เราไม่ได้เป็นเพียงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ แต่จะเป็นประตูบานสำคัญที่จะเปิดไปสู่ความร่วมมือ อื่นๆ ในภูมิภาคนี้ เพื่อให้มิตรภาพที่มีต่อกันมายาวนานระหว่างไทยและจีน เป็นเหมือน *“สปริงบอร์ด (Springboard)” ที่จะนำสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป *(Springboard) ตัวช่วยหรือเครื่องมือสำคัญที่ เช่น เรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ BOI ใช้ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จ

สำหรับงานแสดงสินค้า Thailand–China Cooperation Expo 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26–28 กันยายน 2568 เวลา 10.00–18.00 น. ณ อาคารชาแลนเจอร์ ฮอลล์ 2–3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี  ภายใต้แนวคิด “50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน : ก้าวสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน” โดยมีผู้ประกอบการ นักลงทุน ผู้นำเข้า–ส่งออก ผู้ค้า และผู้นำธุรกิจจากไทย จีน และนานาประเทศ เข้าร่วม เพื่อสร้างการเชื่อมโยงและขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain Hub) ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรม การค้าและการลงทุน พลังงานสีเขียวและเกษตรเพื่อความยั่งยืน ยานยนต์ และ EV โลจิสติกส์ และห่วงโซ่อุปทาน รวมถึง อาหารและเครื่องดื่ม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง