กัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็ก ขว้างระเบิด เคลื่อนย้ายจรวด BM-21 ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 26 กันยายน 2568 สถานการณ์โดยรวม มีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา โดยตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย 2 ลำ พื้นที่ปราสาทตาเมือน 1 ลำ ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์

กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือจากประชาชนเนื่องจากปัจจุบันมีสิ่งบอกเหตุหลายประการ ที่จะนำไปสู่สถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันการรับข้อมูลข่าวสารที่คลาดเคลื่อน บิดเบือน หรือข่าวปลอม (Fake news) ขอให้ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารและติดตามข้อมูลจากช่องทางอย่างเป็นทางการจากส่วนราชการ ซึ่งสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้องและทันเวลา

ด้านพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา ที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่ว่า ได้รับทราบข้อมูลแล้วและถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีการถอนกำลัง และยังไม่ทราบว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งกำลังทหารก็ต้องเตรียมพร้อม ส่วนที่ปรากฏภาพทหารกัมพูชาเคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าพื้นที่ถือเป็นสิ่งบอกเหตุว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ในอนาคต เรื่องความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งยอมรับว่าผิดข้อตกลงหยุดยิงอยู่แล้ว ก็ประท้วงไป ส่วนกรณีทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็ก และขว้างระเบิดเข้ามาไทยต้องใช้ความอดทน และยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงมาโดยตลอด และเสียงปืน หรือเสียงระเบิดจะต้องไปพิสูจน์ทราบกันอีกครั้ง ซึ่งผู้นำทางทหารของทั้ง 2 ประเทศต้องไปพูดคุยกัน

ยอมรับว่า เป็นการก่อกวนในช่วงที่จะมีการรับมอบตำแหน่งของแม่ทัพภาคที่ 2 และตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ในกองทัพ แต่เชื่อว่าคงไม่มีผลเพราะแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็ทำหน้าที่อำนวยการยุทธก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ซึ่งรู้ขั้นตอนการปฏิบัติดี ในขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเคยอยู่กับรัฐบาลเดิม เชื่อว่าจะไปต่อได้ไม่มีปัญหา ซึ่งรอยต่อต่างๆ ไม่มีผลกระทบต่อไทย

ขณะที่เรื่องอำนาจตัดสินใจในการพิจารณาตอบโต้ จะต้องเป็นการตัดสินใจร่วมกันระหว่างทหารและรัฐบาล และต้องพิจารณาให้ครบถ้วนว่าข้อดีข้อเสียที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศชาติและความมั่นคง รวมถึงสิ่งที่จะได้มาคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งหากการปะทะมีเหตุผลน้อยและไม่เพียงพอ อาจจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ แต่ถ้ามีเหตุผลเราก็พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย แต่หากเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้าหรือเหตุเฉพาะหน้าทหารมีอำนาจเต็มอยู่แล้ว

นอกจากนี้ขอความร่วมมือในการไม่เผยแพร่ภาพการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ หรือพิกัดทางการทหาร ซึ่งในห้วงนี้ไม่มีการเคลื่อนย้ายอะไร ภาพที่ปรากฏในขณะนี้อาจเป็นภาพเก่า เพราะเราได้หยุดการเคลื่อนไหวตามข้อตกลงหยุดยิงอยู่แล้ว มองว่าเป็นภาพเก่าที่นำมานำเสนอใหม่ จึงขอฝากประชาชนไม่ให้ดำเนินการดังกล่าว ให้ลดการโพสต์ เพื่อรักษาความลับทางราชการ กรณีกระแสข่าวมีระเบิดลงที่เนิน 498 ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และสิ่งเหล่านี้จะเป็นหลักฐานที่ต้องเก็บรวบรวมไว้ เพื่อนำไปประท้วงกับคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT)  

ส่วนเรื่องสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีบุคคลที่มารับหน้าที่ต่อเนื่องได้อยู่แล้ว อีกทั้งจะยังอยู่เป็นที่ปรึกษาของผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ เคยเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 และอยู่ในพื้นที่มาโดยตลอดจึงไม่น่าเป็นห่วง ในขณะที่การทำงานร่วมกับรัฐบาล
ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้ยังคงมีความพยายามยั่วยุในพื้นที่ชายแดนอยู่เป็นระยะ อย่างไรก็ตาม กองทัพไทยมีความอดทนและพร้อมปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่ รัฐบาลได้ยืนยันท่าทีต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ทั้งสองคนรับทราบชัดเจน ซึ่งตนเองได้โทรศัพท์หารือกับผู้บัญชาการทหารบก เพื่อย้ำความเข้าใจในการปฏิบัติงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยรายละเอียดขอให้เป็นหน้าที่ของกองทัพเป็นผู้ชี้แจงต่อไป การรักษาดินแดน การปกป้องอธิปไตย และการดูแลความปลอดภัยของประเทศและประชาชน ถือเป็นอำนาจและความรับผิดชอบโดยตรงของกองทัพ รัฐบาลได้ให้อำนาจอย่างเต็มที่ ส่วนการเปิดด่านชายแดนยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ จนกว่าสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนจะยุติลง

ส่วนการดำเนินการทางการทูตได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเชี่ยวชาญทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศบริหารจัดการอย่างรอบคอบ ทั้งมิติการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และการจัดการสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง โดยการตัดสินใจจะพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นระยะๆ ขณะนี้ ยังไม่ถึงเวลาที่จะประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติม

ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว พ.อ.สิทธิชัย ชัยวงศ์ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการและสารสนเทศ ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อีกครั้ง จุดแรกคือบ้านหนองจาน ซึ่งทางการไทยพยายามสื่อสารว่าเป็นอธิปไตยของไทยมาโดยตลอด เพราะก่อนหน้านี้ถูกชาวกัมพูชาลุกล้ำเข้ามานานกว่า 40 ปี ก่อนจะมีการผลักดันออกไป โดยจุดนี้จะมีสแลนสีดำ และ
ลวดหนามหีบเพลงกั้นเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งความเคลื่อนไหวของชาวกัมพูชาจุดนี้เงียบผิดปกติ มีเพียงทหาร
ตรึงกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ฝั่งไทย ซึ่งในขณะที่ฝ่ายไทยลงพื้นที่เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับฝั่งกัมพูชา ได้พาคณะ IOT (Interim Observation Team คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวซึ่งเป็นการรวมตัวของทูตทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียน) ลงพื้นที่ได้ไม่นาน  ทั้งนี้ พ.อ.สิทธิชัย อธิบายว่า จุดนี้เป็นอธิปไตยของไทยช่วงที่เราพาคณะ IOT ลงพื้นที่จะเห็นได้ว่าชาวกัมพูชาเงียบผิดปกติ จากการรายงานทหารในพื้นที่ทราบว่ากัมพูชาพาคณะ IOT เข้ามาบ่อยและชาวกัมพูชาจะเงียบ นอกจากนี้จุดดังกล่าวยังพบว่า มีบ้านหลายหลังที่กำนันลีที่มีอดีตภรรยาเป็นคนไทยกว้านซื้อ-ครอบครอง และอยู่ในอธิปไตยไทย

จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วตรงข้ามบ้านเปรยจันของกัมพูชา ซึ่งโซนนี้ฝั่งไทยพยายามสื่อสารว่าเขตแดนที่ 42-43 เป็นอธิปไตยของไทยที่กัมพูชารุกล้ำมากว่า 40 ปี และจุดนี้เป็นจุดที่จะเห็นว่า ทหารกัมพูชามีการใช้กลวิธีนำมวลชนเป็นโล่มนุษย์ มายั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรงหวังสร้างภาพกับนานาชาติ และหลังจากคณะจากฝั่งไทยลงพื้นที่ดังกล่าวไม่นาน พบว่า มีแกนนำชาวกัมพูชา ได้เดินมาประชิด สังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวฝั่งไทย บางช่วงมีการยั่วยุด้วยการกวักมือเรียกท้าทายให้ฝั่งไทยเข้าไป และมีการเรียกชาวกัมพูชามารวมตัวเพิ่มขึ้น

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า เวลาประมาณ 16.40 น. วันที่ 26 กันยายน 2568 รับแจ้งจากหน่วยในพื้นที่ ระบุว่า ในพื้นที่ตาควาย อำเภอพนมดงรักษ์ จังหวัดสุรินทร์ พบเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่จุ๊บอั่งกุย ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด ซึ่งปัจจุบันเหตุการณ์ปกติ ซึ่งทหารฝ่ายไทยไม่ประมาทเฝ้าติดตามสถานการณ์ และเตรียมความพร้อม 24 ชั่วโมง ทั้งนี้เบื้องต้นได้มีการยืนยันว่าจากเสียงระเบิดดังกล่าวไม่มีการปะทะทหารไทยปลอดภัย คาดว่าเสียงระเบิดที่ได้ยินเป็นกัมพูชาเหยียบกับระเบิดตัวเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง