โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น จากเดิมประชาชนที่สามารถลงทะเบียนใช้สิทธิ์ได้จะเริ่มตั้งแต่อายุ 18 ปี ในครั้งนี้ขยายเป็นเริ่มตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป รวมถึงเปิดโอกาสให้ร้านค้า และผู้ประกอบการรายย่อย หรือ Micro SMEs ซึ่งมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ได้เข้าร่วมโครงการด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน โดยการลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ และช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ
และร้านค้า
เนื่องด้วยรัฐบาลเล็งเห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ที่คาดว่าจะมีการขยายตัวระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ต่ำกว่าประเทศในภูมิภาค และต่ำกว่าศักยภาพ (Potential Growth) โดยมีปัจจัยสำคัญจากกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงเปราะบาง ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ท่ามกลางความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2568 ที่อาจจะชะลอตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าการดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” สำหรับประชาชนจะทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 88,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในช่วงปลายปี โดยมีกำหนดการโครงการ ดังนี้
1. ระยะเวลาโครงการฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568
1.1 เปิดรับลงทะเบียนร้านค้า ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม – 19 ธันวาคม 2568
1.2 เปิดรับลงทะเบียนประชาชน ตั้งแต่วันที่ 20 – 26 ตุลาคม 2568 เวลา 06.00 – 22.00 น.
1.3 ประชาชนผู้ได้รับสิทธิสามารถใช้สิทธิโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 23.00 น. โดยสามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยกลุ่มผู้ที่อยู่ในระบบภาษี 11 ล้านคน จะได้รับวงเงินคนละ 2,400 บาท และกลุ่มผู้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี หรือประชาชนทั่วไป 9 ล้านคน ได้รับวงเงินคนละ 2,000 บาท สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.4 ล้านคน ยังคงได้รับเงินช่วยเหลือตามปกติ พร้อมเพิ่มวงเงินอีกเดือนละ 850 บาท ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 รวมเป็นเงินช่วยเหลือเดือนละ 1,150 บาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพช่วงปลายปี
1.4 สำหรับการซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 21.00 น.
2. คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส”
• เป็นผู้มีสัญชาติไทย
• มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
• มีบัตรประจำตัวประชาชน
• ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568
• ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1-5
3. ช่องทางลงทะเบียน “คนละครึ่ง พลัส”
สามารถลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
• ผู้ที่เคย เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ตรวจสอบผลการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
• ผู้ที่ไม่เคย เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ตรวจสอบผลการลงทะเบียนผ่าน SMS และแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
4. เงื่อนไขการใช้สิทธิสำหรับประชาชน
• ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จะต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ
• ใช้จ่ายผ่านโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” กับร้านค้าที่ร่วมโครงการ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 23.00 น. โดยชำระผ่าน G-Wallet
5. ขั้นตอนการลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไป
• “ผู้ที่ไม่เคยรับสิทธิ” โครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565)
1. อัปเดตแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เป็นเวอร์ชันล่าสุด และเปิดใช้งาน G-Wallet
2. เข้าแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และกดที่แบนเนอร์ “โครงการคนละครึ่ง พลัส”
3. ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข และยืนยันลงทะเบียน
4. แจ้งผลการลงทะเบียนผ่านการแจ้งเตือนบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ SMS (ภายใน 3 วัน)
5. เติมเงินเข้า G-Wallet ก่อนเริ่มใช้สิทธิ
6. เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 23.00 น.
7. ตรวจประวัติการใช้สิทธิคงเหลือบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
• “ผู้ที่เคยรับสิทธิ” โครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565)
1. อัปเดตแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เป็นเวอร์ชันล่าสุด และเปิดใช้งาน G-Wallet
2. เข้าแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และกดที่แบนเนอร์ “โครงการคนละครึ่ง พลัส”
3. ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข และยืนยันลงทะเบียน
4. แจ้งผลการลงทะเบียนผ่าน การแจ้งเตือนบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
5. เติมเงินเข้า G-Wallet ก่อนเริ่มใช้สิทธิ
6. เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 23.00 น.
7. ตรวจประวัติการใช้สิทธิคงเหลือบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
• วิธีลงทะเบียน G–Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
1. ดาวน์โหลดติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สำเร็จ
2. เลือก G-Wallet เลือก “สมัครใช้บริการ”
3. กด “ยินยอม” การจัดการข้อมูลยืนยันตัวตน
4. ถ่ายบัตรประชาชน และกรอกข้อมูลตามขั้นตอน
5. เลือกวิธีการยืนยันตัวตน “สแกนใบหน้า”
6. สแกนใบหน้า ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล
7. เข้าสู่หน้าหลัก เริ่มการใช้งาน
นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” มีประชาชนและผู้ประกอบการให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้านับตั้งแต่เริ่มลงทะเบียนในส่วนผู้ประกอบการร้านค้า เมื่อวันที่ 15 ต.ค. – 17 ต.ค. 68
ณ เวลา 12.00 น. พบว่า ร้านที่ค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ
1. ร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 123,960 ราย แบ่งเป็น
– ร้านค้ารายเดิม 72,185 ราย
– ร้านค้ารายใหม่ 51,775 ราย
2. ร้านค้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสมัคร 98,064 ราย แบ่งเป็น
– รอให้ร้านค้าเข้ามากดยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการฯ 91,917 ราย
– รอดำเนินการตรวจสอบ 6,147 ราย
โดยร้านค้าสามารถลงทะเบียนได้จนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัครในวันที่ 19 ธันวาคม 2568
ด้วยกระแสความนิยมของประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้า ที่มีต่อโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งได้รับความสนใจทั่วประเทศ จึงเป็นเหตุให้เหล่ามิจฉาชีพพยายามฉวยโอกาสหลอกลวงประชาชนหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการ “ส่งลิงก์ปลอม” มาหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวและดูดทรัพย์ของประชาชน
ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้วางแผนกำหนดมาตรการรับมือร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ในเบื้องต้นขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของตำรวจไซเบอร์ ดังนี้
1. อย่ากดลิงก์จาก SMS/ข้อความแปลกปลอม เนื่องจากโครงการรัฐ จะไม่ส่งลิงก์ลงทะเบียนผ่านทาง SMS/ข้อความ
2. อย่าหลงเชื่อเพจ/บัญชีโซเชียลที่ไม่เป็นทางการ และขอให้ประชาชนตรวจสอบว่ามีเครื่องหมายยืนยัน (✔ Verified) และตรวจสอบดูว่าเพจมีผู้ติดตามจริงหรือไม่ สำหรับการลงทะเบียนที่ถูกต้องนั้น ทำได้เฉพาะ
แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” เท่านั้น
3. อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว อาทิ เลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเกิด PIN OTP ข้อมูลบัญชีธนาคาร
4. อย่าเชื่อสายโทรศัพท์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ เนื่องจากหน่วยงานรัฐและธนาคารทุกแห่ง ไม่มีนโยบายโทรขอ OTP หรือให้ประชาชนโอนเงิน
5. ตรวจสอบข้อมูลทุกครั้ง หากมีความสงสัย ให้โทรสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง และอย่าแชร์ข้อมูลจากข่าวลือ/เพจที่ไม่น่าเชื่อถือ
หากประชาชนได้รับลิงก์ปลอม ขอให้พิจารณา ตั้งสติ และ “ไม่กดลิงก์” ส่วนกรณีประชาชนเผลอกดลิงก์ปลอมและได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์ ขอให้ดำเนินการแจ้งความออนไลน์ได้ที่ https://www.thaipoliceonline.go.th/login หรือโทร. สายด่วนที่ 1441 เพื่อระงับบัญชีคนร้ายภายใน 72 ชั่วโมง และรีบเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน