นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน มอบหมายให้นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ณ ตลาดยิ่งเจริญ กรุงเทพมหานครตามข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลค่าครองชีพประชาชนในช่วงเทศกาลกินเจฃโดยกรมการค้าภายในได้จัดกิจกรรม “อิ่มบุญ แบบสบายกระเป๋า” ระหว่างวันที่ 21–29 ตุลาคม 2568 เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงอาหารเจคุณภาพดีในราคาย่อมเยา พร้อมส่งเสริมการหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าการจำหน่ายสินค้าเทศกาลกินเจที่ตลาดยิ่งเจริญเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้ประกอบการให้ความร่วมมืออย่างดี มีการติดป้ายแสดงราคาชัดเจน และจัดโปรโมชั่น “3 อย่าง 100 บาท” เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน พร้อมเพิ่มจำนวนแผงจำหน่ายวัตถุดิบอาหารเจ เช่น ผักสด เต้าหู้ หมี่ซั่ว และสินค้าโปรตีนทางเลือก เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากการสอบถามแม่ค้าและผู้บริโภค พบว่าราคาวัตถุดิบอาหารเจปีนี้ลดลงจากปีก่อน โดยเฉพาะกะหล่ำปลี หัวไชเท้า ผักกาด และแครอท ส่วนซอสปรุงรสและอาหารแห้ง เช่น ฟองเต้าหู้ เห็ดหอม และหมี่ซั่ว มีราคาทรงตัว ขณะที่ผักบางชนิด เช่น คะน้าและกวางตุ้ง ปรับขึ้นเล็กน้อยตามสภาพอากาศ ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับว่าตลาดยิ่งเจริญเป็นแหล่งซื้อสินค้าเจที่ราคาย่อมเยาและมีสินค้าหลากหลายครบในที่เดียว
สำหรับเทศกาลกินเจปีนี้ DIT ได้จัด “มหกรรมสินค้าลดราคาช่วงเทศกาลกินเจ อิ่มบุญ ราคาประหยัด” ครอบคลุมวัตถุดิบอาหารเจ ซอสปรุงรส อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารแห่งอนาคต (Plant-based) และอาหารสด–ปรุงสำเร็จ พร้อมเชื่อมโยงผักปลอดภัยจากเกษตรกรโดยตรงเข้าสู่ตลาด จำหน่ายในราคาประหยัดอย่างต่อเนื่องตลอดเทศกาล โดยมีพันธมิตรกว่า 97 ราย จากห้างค้าส่ง–ค้าปลีก ตลาดสด ตลาดกลาง และผู้ประกอบการรายย่อยร่วมโครงการ สามารถลดราคาสินค้าได้สูงสุดถึง 56%
นอกจากนี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตรวจสอบการแสดงป้ายราคาสินค้าให้โปร่งใส เป็นธรรม และประชาชนสามารถเปรียบเทียบราคาได้อย่างชัดเจน โดยจากการตรวจสอบที่ตลาดยิ่งเจริญพบว่าประชาชนให้การตอบรับกิจกรรมอย่างคึกคัก
กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน ยังได้ขานรับนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนโครงการ “คนละครึ่งพลัส – รัฐช่วยลดภาระค่าครองชีพ” โดยขยายเครือข่ายร้านค้าประชารัฐและร้านค้าธงฟ้ากว่า 80,000 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิคนละครึ่งซื้อสินค้าได้จริง ลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึง







