นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อติดตามสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สงขลา โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุม นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ตนเองพร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลหาดใหญ่ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ 100 ล้านบาทให้แก่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อฟื้นฟูและจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทดแทนที่เสียหายจากเหตุอุทกภัย และพระราชทานอากาศยานไร้คนขับ (Drone) สำหรับค้นหา และสำหรับขนส่งอาหารกับสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดอื่นในพื้นที่ภาคใต้ จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้บริหารจัดการงบประมาณที่เป็นพระราชทรัพย์นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนได้อย่างเต็มกำลังตามที่พระราชทานพระมหากรุณา จึงขอแจ้งให้ทุกคนทุกฝ่ายทราบเพื่อให้พวกเราได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณว่า การทำงานด้วยความทุ่มเทนั้นทราบถึงพระเนตร พระกรรณของพระองค์ตลอดเวลา จึงพระราชทานพระมหากรุณา และพระราชทานชื่นชมต่างๆ มามากมายให้กับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคน
ทั้งนี้จากการแก้ปัญหาที่ผ่านมามีความมั่นใจว่า ความร่วมมือของทุกคนเป็นไปด้วยความพร้อมเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป้าหมายคือ การขจัดภัยและความทุกข์ของประชาชน จึงต้องขอขอบคุณผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่ได้ทำหน้าที่ผู้บัญชาการสถานการณ์ฉุกเฉินและได้ร่วมกันบริหารกับทีมงานทั้งหมดได้เป็นอย่างดี และขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายกเทศมนตรี รวมถึงผู้บริหารจากส่วนกลาง ที่ลงมาบัญชาการอยู่ในพื้นที่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เรามีความร่วมมือและสามารถที่จะคลี่คลายสถานการณ์ได้ แต่ขณะนี้เป็นการเข้าสู่ “การฟื้นฟู” ที่ต้องให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์มา เราได้ทำไปมากพอสมควรแล้ว น้ำไฟเข้าหมดแล้ว เหลือเพียงการซ่อมแซมระบบต่างๆ อีกเล็กน้อย จึงขอเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงให้ความสำคัญและดูแลในเรื่องของอาหารการกินไปอีกระยะหนึ่งหากประชาชนยังต้องการความช่วยเหลือ
สำหรับเรื่อง “ขยะ” ที่ได้ช่วยกันขนย้าย เพื่อไปทำลาย ซึ่งยังเก็บไม่ทัน เพราะว่ามีปริมาณขยะจำนวนมาก ทั้งที่อยู่ในบ้านและนอกบ้าน เพราะทุกคนต่างเก็บกวาดขยะแล้วมากองไว้หน้าบ้าน กองไว้ริมถนน เพื่อให้หน่วยงานได้ขนย้ายไปกำจัด ขอให้อย่าท้อถอย ต้องช่วยกันทำให้ประชาชนกลับเข้าสู่บ้านเรือนอย่างเรียบร้อย ขอให้ใช้เวลา 1 สัปดาห์หลังจากนี้ในการเก็บขนย้ายขยะไปกำจัดโดยเฉพาะช่วงกลางคืน
ด้านสาธารณสุข ขอให้กระทรวงสาธารณสุขได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ให้ประชาชนได้รับการดูแลด้านสาธารณสุขไม่ขาดแคลนยา ไม่ขาดแคลนอุปกรณ์และบุคลากร เฝ้าระวังโรคระบาดที่อาจมากับน้ำและโรคติดเชื้ออื่น ๆ ที่อาจจะมาจากการหมักหมมของขยะ รวมถึงสุขภาพจิตด้วย เพราะเหตุการณ์นี้จะทำให้ประชาชนเกิดสภาวะซึมเศร้าหรือท้อใจ จึงขอให้กรมสุขภาพจิตร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลาให้การดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเร่งดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล เพื่อเร่งดำเนินการเบิกจ่ายค่าปลงศพให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยเร่งด่วน
เรื่องการเคลียร์เส้นทางการจราจร ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงคมนาคม ต้องเร่งคืนเส้นทางให้กับประชาชนให้มากที่สุด โดยเฉพาะทางหลวงเพราะต้องใช้ในการขนส่งสินค้า ขนส่งผู้คนไปยังจังหวัดอื่น ๆ ด้วย ส่วนการเคลื่อนย้ายรถ ออกจากพื้นที่ ก็สามารถเคลียร์ไปได้จำนวนมากแล้ว ขอให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายไปเก็บในที่ปลอดภัย อย่าให้เกิดเหตุที่รถเพียงไม่กี่คันที่ประชาชนไม่สามารถมาเอาคืนได้มาเป็นตัวกีดขวางการจราจร
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ให้ความร่วมมือในการลงทะเบียนสำรวจ ประชากรรายครัวเรือน ซึ่งจังหวัดสงขลาได้จ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนไปแล้วจำนวนมาก ซึ่งงบประมาณได้โอนมาแล้ว หากเราสามารถเร่งสำรวจพิสูจน์ได้ จะสามารถเร่งจ่ายค่าเยียวยาได้ และหลังจากนี้ต้องไปดูเรื่องการสำรวจความเสียหายของบ้านเรือน ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองได้นำผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องของการสำรวจความเสียหายบ้านเรือนลงมาช่วยกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเร่งสำรวจเพื่อจะเร่งเบิกจ่ายค่าซ่อมแซมบ้านเรือนเคหสถานให้กับประชาชนโดยเร็ว นอกจากนี้ การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้เชิญคณะกรรมการถอดบทเรียนและฟื้นฟูสถานการณ์อุทกภัย นำโดย นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ลงมาดูสถานการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วย และจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการที่จะไปดูแลในแต่ละภารกิจ แต่ละประเด็นต่อไป
ซึ่งขณะนี้ได้ลดระดับสาธารณภัยเป็นระดับ 3 (ระดับใหญ่) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นผู้บัญชาการ จึงมอบหมายให้นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ทำหน้าที่ผู้บัญชาการ โดยมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นฝ่ายเลขานุการ พร้อมกันนี้ให้มีการจัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ณ ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สงขลา และมอบหมายให้นายภาสกร บุญญลักษม์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน ปฏิบัติหน้าที่ ผู้กํากับควบคุมพื้นที่ (Area Commander) และขอให้ทุกหน่วยงานยังคงบูรณาการระดมสรรพกำลังบุคลากรอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยเหลือในพื้นที่นี้ต่อไป
สภาพโดยรวมทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งการสนับสนุนของรัฐบาลที่เป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือด้วย รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ยืนยันแล้วว่าจะจัดสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาที่เท่าทุนหรือต่ำกว่าทุน ซึ่งจะทำให้ภาระเรื่องค่าใช้จ่ายลดลงไปด้วย พร้อมฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาต่างๆ ดูแลในเรื่องที่ยังคั่งค้าง หรืออาจเป็นอุปสรรค ทำให้การลงทะเบียนของประชาชนติดขัด เช่น การต้องถ่ายเอกสาร ขออย่าได้เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีข้อสั่งการ ได้แก่
1. ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นตัวช่วยประสานกับกระทรวงและหน่วยงานอื่นๆ ในการให้ความร่วมมือในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อทำการฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ให้เร็วที่สุด
2. ให้กระทรวงสาธารณสุข เตรียมการดูแลด้านสุขภาพประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโรคที่มากับน้ำภายหลังน้ำลด และโรคระบาดที่จะอาจจะมากับขยะที่สะสมเป็นเวลานาน และสุขภาพจิตประชาชน
3. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ต้องใช้งบประมาณที่รัฐบาลได้อนุมัติ 500 ล้านบาทให้เกิดประโยชน์กับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ และเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสำนักงบประมาณจะได้พิจารณาอนุมัติรายละเอียดเป็นโครงการ ๆ ไป
4. ในส่วนของรายละเอียดอื่น ๆ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ต้องคอยประสานงานต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น โดยรัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอยู่แล้วในทุกๆ เรื่องหากมีสิ่งใดสามารถสื่อสารและเชื่อมการประสานงานกันได้
รวมถึงให้ติดตามการพยากรณ์อากาศ ถ้ามีโอกาสเกิดฝนตกหนักอีกระลอกในช่วงเดือนธันวาคม ต้องเตรียมการรับมือให้พร้อม โดยเฉพาะการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ที่ได้จัดหามาในช่วงนี้
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานฟื้นฟูหลังน้ำท่วมบริเวณตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจากที่ได้รับรายงานประชาชนส่วนใหญ่กลับเข้าที่พักกันได้หมดแล้ว โดยศูนย์พักพิงภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัจจุบันมีผู้พักส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยหรือกลุ่มเปราะบาง ขณะนี้ภารกิจใหญ่คือ การเก็บขยะมูลฝอยที่สะสมในช่วงน้ำท่วม และขยะใหม่ที่เกิดขึ้นจากการทำความสะอาดบ้านของประชาชน พร้อมขอความร่วมมือให้นำขยะมากองหน้าบ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าจัดเก็บได้รวดเร็วตามแผนที่กำหนด 14 วัน ซึ่งขณะนี้เหลืออีก 7 วัน คืนความเป็นเมืองหาดใหญ่ให้กลับมาปกติ ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาแม้รัฐบาลได้โอนเงินช่วยเหลือไปแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ยังพบว่ามีประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับเงินตามสิทธิ เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนการอนุมัติอีก 2–3 ขั้นตอน โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน โดยจุดที่ต้องเร่งเป็นพิเศษคือ ระบบออนไลน์ที่ดำเนินการล่าช้า จึงได้กำชับให้ปรับปรุงทันที พร้อมตั้งเป้าว่าภายในสัปดาห์หน้า การจ่ายเงินเยียวยาจะต้องแล้วเสร็จและครอบคลุมทุกครัวเรือน
นอกจากนี้ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2568 นายกรัฐมนตรีเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอเพิ่มงบเยียวยา สำหรับประชาชนที่ตกสำรวจ ซึ่งไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลเดิม โดยมาตรการนี้จะครอบคลุม ไม่เฉพาะจังหวัดสงขลา แต่รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงที่เผชิญน้ำท่วมในช่วงเดียวกันด้วย ส่วนแผนฟื้นฟูภาคธุรกิจร้านค้าในเรื่องการจัดหาสินเชื่อระยะสั้นสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยรายละ 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ยนั้น อยู่ในขั้นตอนอยู่แล้ว โดยจะเร่งติดตามให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ดำเนินการจ่ายค่าประกัน
จากการประชุมคณะกรรมการถอดบทเรียนฯ ได้มีการตั้งอนุกรรมการครอบคลุมด้านเยียวยา ฟื้นฟู ป้องกัน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งการพาคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่จริง เพื่อรับทราบสถานการณ์และความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง แม้จะมีการอนุมัติตามแผนแล้ว แต่การเห็นสภาพจริงจะทำให้เข้าใจถึงความเร่งด่วนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อคณะกรรมการแต่ละชุดลงพื้นที่และกลับไป ก็สามารถดำเนินการตามภารกิจได้อย่างเต็มที่ และในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 สามารถนำเรื่องต่างๆ ที่รับทราบเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจได้
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล เดินพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประกอบการร้านค้าในบริเวณพื้นที่ตลาดสดเทศบาลเมืองสตูลและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสตูล รวม 200 ถุง และได้เดินไปตรวจดูข้าวสารในโกดังเก็บข้าวสารของร้านสตูลค้าข้าวซึ่งได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งติดตามสภาพปัญหาประตูระบายน้ำคลองมำบังซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหลังตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล ที่ชํารุดเสียหายและไม่สามารถใช้การได้จนเป็นหนึ่งในสาเหตุให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เทศบาลเมืองสตูล นายอนุทิน กล่าวว่า ได้รับทราบจากนายกเทศมนตรีเมืองสตูลเกี่ยวกับสภาพปัญหาของประตูระบายน้ำคลองมำบัง หลังจากนี้เทศบาลเมืองสตูลและจังหวัดสตูลจะต้องจัดทำประชาคม ประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินการประตูระบายน้ำดังกล่าว และรัฐบาลจะให้การสนับสนุนตามความต้องการของประชาชน และขอชื่นชมและเป็นกำลังใจในความอดทนของชาวสตูลที่ต้องประสบกับสถานการณ์อุทกภัยในห้วงที่ผ่านมา ถึงอย่างไรเราจะไม่ทิ้งกัน รัฐบาลจะเดินหน้าจัดทำมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก นอกจากนี้ขอให้ประชาชนได้ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา 9,000 บาท รวมถึงโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เฟส 2 ด้วย
ด้านการเยียวยาและฟื้นฟูของหน่วยงานต่างๆ อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งจัดการขยะ ล้างทำความสะอาดถนน–ชุมชน–ตลาด ตรวจสอบสาธารณูปโภคให้กลับมาใช้งานได้ปกติ พร้อมช่วยเหลือครัวเรือนเปราะบาง 95 ราย ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตตามระเบียบฯ รวมถึงการฟื้นฟูภาคเกษตร โดยสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ พันธุ์สัตว์น้ำ พืชอาหารสัตว์ ด้านเศรษฐกิจขณะนี้ตลาดสดกลับมาเปิด 100% มีสินค้าเพียงพอ พร้อมจัดโครงการ ธงฟ้าราคาประหยัด 7 อำเภอ เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านคลองขุด พร้อมกล่าวว่า โชคดีที่จังหวัดสตูลระบายน้ำได้เร็ว แต่ก็ได้เห็นถึงความเสียหายเพราะระดับน้ำเข้ามาค่อนข้างมาก โดยจะหาวิธีเร่งช่วยเหลือเยียวยาให้กับผู้ที่ประสบภัยให้เร็วที่สุด ทั้งเงินเยียวยา เงินนำมาเพื่อฟื้นฟูกิจการ และเงินที่จะใช้ซ่อมแซมบ้านเรือน ทรัพย์สินและสิ่งของต่างๆ ที่เกิดความเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้ และแม้จังหวัดสตูลมีพื้นที่เล็กกว่าจังหวัดสงขลา แต่ความเสียหายถือว่าทุกครัวเรือนเช่นกัน ทั้งนี้มีความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาในระยะยาวให้กับประชาชน สนับสนุนโครงการ และการลงทุนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกปลอดภัยแก่ประชาชน
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 แบบเหมาจ่ายในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท ว่า การจ่ายเงินเยียวยาในวันที่ 6 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นครั้งที่ 6 ปภ. และธนาคารออมสิน โอนเงินให้แก่ผู้ประสบภัยที่ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว รวม 40,935 ครัวเรือน เป็นเงิน 368,577,000 บาท ในพื้นที่ จ.สงขลา และตรัง ส่วนการโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 5 ครั้งที่ผ่านมา (วันที่ 1,2,3,4,5 ธ.ค. 68) ใน 8 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย จ.สงขลา ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล และสุราษฎร์ธานี รวม 612,573 ครัวเรือน รวมเป็นเงิน 5,513,157,000 โอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 8,657 ครัวเรือน ขอย้ำให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน ติดต่อธนาคารใดก็ได้ เพื่อผูกบัญชีโดยเร็ว เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด และประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝน ปี 2568 ผ่านช่องทาง https://flood68.disaster.go.th/Dashboard/BoardHelpRegister โดยระบุหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนในการตรวจสอบ








