นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ที่กรุงเทพมหานคร และชลบุรี และจะเป็นเจ้าภาพ การแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 20-26 มกราคม 2569 ที่จังหวัดนครราชสีมา กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม “ชิม ช้อป เชียร์ by MOC” (Ministry of Commerce : กระทรวงพาณิชย์) จำหน่ายสินค้าของกิน ของใช้ และของที่ระลึก ให้แก่แฟนกีฬาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้ง 11 ประเทศ ในบริเวณสนามกีฬาต่าง ๆ โดยจะนำสินค้าจากผู้ประกอบการ 7 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และสินค้าจากผู้ประกอบการ SMEs มาจำหน่าย เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการ และสร้างรายได้ สร้างโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาครั้งใหญ่ทั้ง 2 รายการนี้ สำหรับพื้นที่จำหน่ายสินค้าในช่วงมหกรรมซีเกมส์และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ได้แก่
1. กีฬาซีเกมส์ที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 (ตลอดช่วงการแข่งขันซีเกมส์) เป็นสินค้าจากผู้ประกอบการ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ปริมณฑล และผู้ประกอบการแฟรนไซส์อาหารและเครื่องดื่ม
2. กีฬาซีเกมส์ที่จังหวัดชลบุรี สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชลบุรี ร่วมกับ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออก นำผู้ประกอบการรวม 40 ราย จาก 8 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี นครนายก ตราด ระยอง จันทบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว และฉะเชิงเทรา เข้าร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้า หลากหลาย อาทิ อาหารทะเลสด ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป น้ำสมุนไพร เสื้อผ้ามัดย้อม น้ำมันนวดออร์แกนิก สินค้าเกษตร ของดีท้องถิ่นอีกมากมาย ระหว่างวันที่ 10 – 14 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 – 20.00 น. บริเวณชายหาดพัทยา และเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับ เทศกาลดนตรีแจ๊สเมืองพัทยา จึงกำหนดพื้นที่จัดบูธตั้งแต่บริเวณซอย 9 ไปจนถึงด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยา พร้อมกำชับผู้ประกอบการให้ใช้ภาชนะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรักษามาตรฐานความสะอาด สุขอนามัยอย่างเคร่งครัด
3. กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ที่จังหวัดนครราชสีมา ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ระหว่างวันที่ 20-26 มกราคม 2569 ผู้ประกอบการที่ร่วมจำหน่ายสินค้ามาจากจังหวัดนครราชสีมา และ 4 จังหวัดชายแดน (อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์)
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ ในด้านการเสริมความแข็งแกร่งผู้ประกอบการ SMEs และการบรรเทาผลกระทบการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการท้องถิ่นมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม นอกจากยอดขายที่จะเกิดขึ้นในกิจกรรมครั้งนี้แล้ว ผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมจำหน่ายสินค้าก็มีโอกาสได้ทราบถึงแนวโน้มตลาดว่า ผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจสินค้าประเภทใด ลักษณะใด ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสินค้าและพัฒนาตลาดในโอกาสต่อไป
ด้าน ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์มุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสทางการค้าสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้สามารถขยายตลาดสู่ระดับภูมิภาคและสากลได้จริง พร้อมทั้งใช้โอกาสจากการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์เป็นเวทีประชาสัมพันธ์สินค้าไทยสู่สายตานานาชาติ และในขณะเดียวกัน กิจกรรมครั้งนี้ยังเป็นการนำเสนอสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพจากท้องถิ่นต่างๆ ให้เหล่ากองเชียร์และนักกีฬาได้เลือกซื้อกันได้โดยสะดวกถึงในบริเวณสนามกีฬา จึงขอเชิญชวนประชาชน นักกีฬา และแฟนกีฬา มาร่วมในงาน “ชิม ช้อป เชียร์ by MOC” กันมากๆ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
ด้าน นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันทุกสนามการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 มีมาตรฐาน พร้อมใช้ในการแข่งขันกีฬาทุกประเภท สามารถรองรับแฟนกีฬาได้เต็มศักยภาพ รวมถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด อีกทั้งรัฐบาลโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ได้จัดโครงการ “ชิม ช้อปเชียร์” ในทุกสนาม โดยนำอาหาร ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่ผ่านการคัดสรรให้บริการประชาชนที่มาชมกีฬาเพื่อแสดงให้ชาวอาเซียนได้เห็น soft power ของดีประเทศไทย เพื่อสนับสนุนสินค้าโอท็อป ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งอาหารและของใช้ และได้นำผู้ประกอบการเข้าร่วมจำนวนมาก รองรับการให้บริการแฟนกีฬาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะที่บริเวณรอบอินดอร์ สเตเดียม ภายใน กกท.หัวหมาก จำนวนกว่า 30 ร้าน นอกจากนี้ยังมีที่จังหวัดชลบุรี อีกหนึ่งเจ้าภาพ และจังหวัดอื่นๆ ที่ร่วมจัด เช่น ปทุมธานี ราชบุรี และ นครปฐม โดยได้คัดเอาของขึ้นชื่อจากท้องถิ่น มาเผยแพร่สู่สายตาชาวอาเซียน ถือว่าเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยผู้ประกอบการในช่วงกีฬาซีเกมส์ รวมไปถึงกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ด้วย
ด้าน นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า มหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2025
ที่จะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2568 โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตรวจประเมินและเฝ้าระวัง ด้านสุขอนามัยและอนามัย สิ่งแวดล้อมของโรงแรม ที่พัก และสถานที่จัดการแข่งขัน ด้วยการตรวจประเมิน และแนะนำให้มีการปรับปรุง แก้ไขเพื่อให้พร้อมก่อนวันเปิดแข่งขัน ให้สถานที่แข่งขันและโรงอาหารหลักได้ใช้เกณฑ์สุขอนามัยที่กำหนดไว้ ในแต่ละพื้นที่ต้องมีจุดล้างมือเพียงพอ น้ำดื่มสะอาดทุกจุด อาหารผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ระบบจัดการขยะเป็นไปตามหลักสุขาภิบาล ส่งผลให้ทุกพื้นที่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการแข่งขันระดับสากลเป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย
แพทย์หญิงอัมพร เบญพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับการเฝ้าระวังสุขภาพระหว่างการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2025 กรมอนามัยได้วางแผนการป้องกันเชิงรุกตลอดช่วงเวลาที่นักกีฬา เจ้าหน้าที่ และประชาชนจากทั่วภูมิภาคที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน ได้จัดทีมปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ควบคู่ไปกับการแข่งขันจริง โดยเริ่มจากการจัดตั้งทีมเฝ้าระวังโรค ประจำสนามแข่งขันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าสังเกตและควบคุมความเสี่ยงโรคติดต่อ รวมถึงการดูแลเหตุการณ์ทางสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้นจากการรวมตัวของผู้คนจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายของการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อทางเดินหายใจ โรคระบบทางเดินอาหาร หรือภาวะอันตรายทางสุขภาพอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นเฉพาะหน้า ซึ่งทีมปฏิบัติการเหล่านี้จะทำงานร่วมกับศูนย์สาธารณสุขท้องถิ่น โรงพยาบาลใกล้เคียง และฝ่ายจัดการแข่งขัน เพื่อส่งต่อผู้ป่วยและควบคุมความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที ซึ่งได้ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ดำเนินการตรวจประเมินในช่วงก่อนและระหว่างการแข่งขันครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายรวมกว่า 172 แห่ง ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่จัดการแข่งขัน ด้วยทีมปฏิบัติการตรวจประเมิน กว่า 150 คน เน้นตรวจประเมินและเฝ้าระวัง 6 ด้าน ได้แก่
1) การป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อ
2) การจัดการสุขลักษณะของอาคารสถานที่
3) การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม
4) การสุขาภิบาลอาหารและน้ำ
5) เฝ้าระวังการปนเปื้อนทางชีวภาพในอาหารและน้ำ และห้องส้วมสาธารณะ
6) เฝ้าระวังคุณภาพอากาศภายในอาคาร และการตรวจหาเชื้อลีจิโอเนลลา (Legionella spp.) ในระบบน้ำของสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาและโรงแรมที่พัก
รวมทั้ง รับรองมาตรฐานด้านสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม ได้แก่ มาตรฐานโรงแรมที่เป็นมิตรกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (GREEN Health Hotel) มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (GREEN Health Attraction) มาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศ (HAS) และมาตรฐานด้านสุขาภิบาลอาหารและน้ำ (SAN)








