ไทยเดินหน้าปราบอาชญากรรมออนไลน์เตรียมออก “Bangkok Statement” สร้างกรอบความร่วมมือสากลต่อต้านสแกมเมอร์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำสำหรับผู้เข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยได้พูดและลงมือทำมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเข้าร่วมการประชุมเอเปค และ Asean Summit ในช่วงที่รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยเผชิญปัญหาสแกมเมอร์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจำนวนมาก

รัฐบาลไทยจึงอาสาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมด้านการปราบปรามอาชญากรรมหลอกลวงทางออนไลน์ขึ้น ซึ่งผลที่ออกมาถือว่าได้รับความสนใจจากนานาประเทศเกินกว่าที่คาดหมายไว้ และภายหลังการประชุมจะมีการจัดทำ “Bangkok Statement” หรือถ้อยแถลงกรุงเทพฯ ที่เกี่ยวกับการจัดการปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ในระดับสากล

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประเทศที่เข้าร่วมได้มีการส่งผู้แทนระดับสูงมาอย่างจริงจัง อาทิ ประเทศโมร็อกโกที่ส่งรัฐมนตรีมาเข้าร่วมถึง 3 คน ทั้งรัฐมนตรีมหาดไทยและรัฐมนตรีด้านอื่น ๆ รวมถึงสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้ส่งนายหลิว จงอี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบปรามสแกมเมอร์ที่เป็นที่รู้จักของคนไทยเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนจากเมียนมา อินเดีย รวมถึงประเทศจากยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง เข้าร่วมการประชุมในวันนี้ด้วย

สำหรับการพูดคุยกับ นายหลิว จงอี้ ผู้แทนจากประเทศจีน นายอนุทิน กล่าวว่า ถึงจะเป็นการพบเจอกันครั้งแรก แต่ผู้แทนจีนได้ขอบคุณประเทศไทยที่ให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการส่งตัวผู้กระทำผิดกลับไปยังประเทศต้นทางจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา ไทยได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า บุคคลที่มีพฤติกรรมเป็นอาชญากรไม่ควรเข้ามาพำนักหรือได้รับการดูแลในประเทศไทย และควรให้ประเทศต้นทางรับตัวไป เพื่อให้สามารถขยายผลต่อไปได้

การดำเนินการในประเทศไทยนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การดำเนินงานเป็นผลจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของทุกภาคส่วน ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานด้านความมั่นคง กระบวนการยุติธรรม และฝ่ายปกครอง ที่ประสานงานกันอย่างเต็มที่ ทำให้สามารถอายัด ยึดทรัพย์ และขยายผลคดีได้ 

ส่วนการที่ประเทศกัมพูชา ไม่ส่งผู้แทนมาร่วมการประชุมนั้น นายกรัฐมนตรี มองว่า ย้ำว่า ประเทศไทยเชิญทุกประเทศ และไทยให้ความปลอดภัยในการดูแล ถึงแม้จะมีปัญหาตามแนวชายแดน แต่ไทยแยกแยะอยู่แล้ว และการกัมพูชาไม่เข้าร่วมการประชุมก็ไม่ส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินงานของประเทศไทย

สำหรับสาระสำคัญของถ้อยแถลงกรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีกรอบความร่วมมือหลักในลักษณะ “5P” ประกอบด้วย Policy / Protection / Prosecution /Partnership และ Prevention ทั้งนี้ บรรยากาศของการประชุมเป็นไปด้วยความชื่นชม และสะท้อนให้เห็นในระดับนานาชาติว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความร่วมมือกับอินเดีย โดยระบุว่า อินเดียได้แสดงความขอบคุณไทยจากกรณีการส่งชาวอินเดียกว่า 300 คนกลับประเทศที่อำเภอแม่สอด พร้อมย้ำว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือทั้งประเทศต้นทางและปลายทางอย่างรอบคอบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง