“อุตสาหกรรม” มอบ 4 ของขวัญปีใหม่ ช้อปคุ้ม-เติมทุน-ปั้นโอกาส-สร้างอนาคต พร้อมปรับมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม 9 จังหวัดภาคใต้

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงจัดทำโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคนไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
จึงบูรณาการความร่วมมือกับทุกหน่วยงานภายในสังกัด จัดทำเป็น 4 กล่องของขวัญ เพื่อประชาชนและผู้ประกอบการทั่วไป แบ่งเป็น

กล่องที่ 1 ช้อปคุ้ม มาตรฐานดี : กระเช้าปีใหม่รักษ์โลก “TISI Selection” คัดเลือกผลิตภัณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) คุณภาพดีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จัดทำเป็นกระเช้าปีใหม่ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการซื้อผลิตภัณฑ์ มผช. และมีโครงการ TISI Deal โดยร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ Shopee Lazada จำหน่ายสินค้ามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และ มผช. ในราคาลดพิเศษ พร้อมกับมีกิจกรรมลุ้นรางวัล แชะแล้วโพสต์สัญลักษณ์ มอก. พาโชค โดยถ่ายภาพสินค้าที่ซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่มีเครื่องหมาย มอก. มผช. มอก.เอส (เครื่องหมายรับรองคุณภาพให้กับสินค้าหรือบริการที่ผลิตจำหน่ายหรือบริการโดยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และร้าน มอก. พร้อมบอกเหตุผลที่เลือกซื้อ/ ความประทับใจ โพสต์ลงโซเชียลมีเดียและติดแฮชแท็กที่กำหนด เพื่อลุ้นรับของรางวัลเป็นผลิตภัณฑ์ มอก. คุณภาพดี นอกจากนี้ ยังมีส่วนลดบริการงานทดสอบทุกรายการ 5 – 20% จากสถาบันเหล็กและเหล็กกล้า แห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งลดราคาหนังสือ มอก. 50%

กล่องที่ 2 เติมทุน เพิ่มสภาพคล่อง : จัดทำโครงการ เงินไว BY DIPROM เสริมสภาพคล่องและเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนให้กับธุรกิจ เพื่อรองรับการผลิตสินค้าให้พร้อมขายในช่วงเทศกาล วงเงิน 200 ล้านบาท มีโครงการสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบการกว่า 380 ราย แบ่งเป็น

1. โครงการสินเชื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีกพลัส) กรอบวงเงิน 1,500 ล้านบาท

2. โครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ (คงกระพันพลัส) กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท

3. โครงการสินเชื่อเติมทุนหนุนธุรกิจ (TOP UP) กรอบวงเงิน 500 ล้านบาท

เริ่มดำเนินการปลายเดือนมกราคม 2569 มีการคงราคาอัตราค่าบริการต่าง ๆ อาทิ ค่าน้ำดิบ ค่าน้ำประปา ค่าเช่าพื้นที่อาคาร ค่าเช่าที่ดินระยะสั้น ค่าสาธารณูปโภค ในนิคมอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการ และยกเว้นค่าธรรมเนียมใบรับรองและค่าแปลงเอกสาร ใบอนุญาต มอก. มอก.เอส และ มผช. เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ

กล่องที่ 3 ปั้นโอกาส กระจายรายได้ : จัดกิจกรรมฝึกอาชีพฟรี ผ่านโครงการงานไว BY DIPROM เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพให้ประชาชน และจัดโครงการอบรมฟรี เพื่อเสริมสร้างความรู้ ด้าน Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน) จำนวน 5 หลักสูตรใหม่ รายละเอียดติดตามได้ที่ https://dpimacademy.dpim.go.th/ รวมทั้งสินเชื่อเพื่อชาวไร่อ้อย ดอกเบี้ยต่ำตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย สำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ในไร่อ้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อย และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ระยะที่ 4
(ปี 2568 – 2570) วงเงินปีละ 2,000 ล้านบาท และจัดบริการตรวจสุขภาพฟรีให้กับชุมชนรอบเหมืองแร่ ทั่วประเทศภายใต้โครงการเหมืองแร่ปลอดภัยห่วงใยประชาชนตลอดปี คืนอากาศบริสุทธิ์ด้วยการลดอ้อยเผา โดยให้โรงงานหยุดรับอ้อยเข้าหีบในช่วงปีใหม่ เพื่อลดการเกิดฝุ่น PM2.5 สร้างอากาศดีในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว โดยขอความร่วมมือโรงงานรับอ้อยสดให้มากที่สุด และกำหนดเป้าหมายปริมาณอ้อยเผารวมตลอดทั้งฤดูการผลิตไม่เกินร้อยละ 10 (ทั้งประเทศ)

กล่องที่ 4 เสริมแกร่ง สร้างอนาคต : จัดคลินิกอุตสาหกรรม ให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการ ช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และให้บริการเทคโนโลยีเครื่องจักร เครื่องมือต่าง ๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงเทคโนโลยีและบริการต่างๆ มีระบบวัดความผูกพันองค์กร หรือ FTPI Workforce Engagement Model เพื่อวัดความพึงพอใจของพนักงานต่อการดำเนินงานขององค์กร ลดราคากว่า 15% ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 กุมภาพันธ์ 2569 อีกทั้งจัดโครงการ “E-Waste New Year Clean Up” รวบรวม Power Bank เก่าหรือเสียไปรีไซเคิล และบริการฟรีด้วย e-Service การอนุญาตของเสียข้ามแดนผ่านระบบออนไลน์ครบวงจรโดยพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลภายใต้อนุสัญญาบาเซล ตลอดจนการอนุญาตนำเข้า ส่งออก ครอบครอง และนำผ่านของเสีย เคมีวัตถุ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว ซึ่งระบบจะเปิดให้ใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

โครงการและมาตรการต่างๆ เหล่านี้ กระทรวงอุตสาหกรรมคัดสรรมาเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ ในสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว อีกทั้งยังเป็นการช่วยผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยและสถานการณ์ชายแดน ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ประกอบการรายใหม่ รวมไปถึงกิจการทุกขนาด ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย ฝ่า ฟัน ดึง ดัน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย ไปข้างหน้า ช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนตลอดปี 2569

สำหรับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ 9 จังหวัด นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ทบทวนมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม กรณีประสบอุทกภัยเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยสามารถติดต่อไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์วิกฤต กระทรวงอุตสาหกรรม (Crisis Management Center : CMC)ได้รายงานผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในภาคใต้ตอนล่าง ประมาณการมูลค่าความเสียหาย 1,677 ล้านบาท เป็นผู้ประกอบการโรงงาน 1,186 ราย ผู้ประกอบการเหมืองแร่ 12 ราย ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 123 ราย ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน 60 ราย อาคารสำนักงานและบ้านพักเสียหาย 6 หน่วยงาน

ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การปรับมาตรการครั้งนี้เพื่อให้
ผู้ประสบอุทกภัยได้รับการดูแลตั้งแต่ในระยะแรก ทั้งการมอบถุงยังชีพ ถุง มอก. บรรจุปลั๊กพ่วงและเพาเวอร์แบงค์ การใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 11 เป็นศูนย์พักพิงสำหรับประชาชนผู้ประสบภัย โดยบริการน้ำ ไฟฟ้า และอาหาร การสนับสนุนเครื่องมือและวัสดุให้กับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน ภายหลังจากน้ำลด กระทรวงอุตสาหกรรม ยังร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เปิดคลินิกตรวจสภาพรถยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ ซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฟรี ด้านผู้ประกอบการได้ออกมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะการลดปัญหาด้านการเงินด้วยการพักชำระหนี้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มีบริการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำทั้งลูกค้ารายเดิม และลูกค้ารายใหม่ การช่วยฟื้นฟูเครื่องจักรและกระบวนการผลิต วางแผนทางการตลาด เพื่อให้ผู้ประกอบการไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและกลับมายืน
ด้วยตัวเองได้อย่างเข้มแข็ง

กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกมาตรการเพื่อดูแลประชาชนและผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัย
ครบทุกมิติ แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่

1. มาตรการระยะสั้น โดยร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และสถานประกอบการทั่วประเทศ ดำเนินการ
2 แนวทาง คือ 1) การช่วยเหลือเร่งด่วน ผ่านกิจกรรม “อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทย” มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม ยา และสิ่งของจำเป็นเบื้องต้นกว่า 7,000 ชุด จัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น พาหนะสำหรับขนย้าย สื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลสำหรับโรงงานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดอุทกภัย และ 2) การจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจ คือ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ นิคมอุตสาหกรรมสงขลา และศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 11 เพื่อเป็นศูนย์กระจายความช่วยเหลือ และศูนย์พักพิงชั่วคราวรับรองผู้ประสบภัย

2. มาตรการระยะกลาง ได้แก่ 1) การเยียวยาผู้ประกอบการ โดยจัดทีมผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษา เข้าประเมินสภาพปัญหาแล้ววางแผนฟื้นฟูสถานประกอบการ และบูรณาการกับหน่วยงานเครือข่ายเข้าซ่อมแซมเครื่องจักรและอาคาร พร้อมดำเนินการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีและค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ลดค่าธรรมเนียมในการตรวจประเมินและรับรอง และค่าธรรมเนียมการฝึกอบรมและการทดสอบสำหรับผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยเป็นรายกรณี 2) การเยียวยาและบริการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วยการมอบอุปกรณ์ไฟฟ้า ตรา มอก. 500 ชิ้น ช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดโครงการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ จำนวน 1,000 ลิตร และซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้ากว่า 100 ชิ้น โดยร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ และภาคเอกชน และ 3) การสนับสนุนทางการเงิน โดยมีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ออกมาตรการพักชำระหนี้เงินต้น 3 เดือน และมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้สินเชื่อกองทุนฯ กองทุน DIPROM PAY ออกมาตรการพักหนี้-ดีพร้อมช่วยฟื้น เพื่อบรรเทาภาระการเงินและเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ ทั้งการพักชำระหนี้ต้น-ดอกเบี้ย สูงสุด 4 เดือน ปรับลดค่างวด/ขยายเวลาชำระหนี้ (ไม่เกิน 2 ปี) พักชำระหนี้ดอกเบี้ย 3 เดือน สำหรับรายที่ต้องการบรรเทาเร่งด่วน ลูกหนี้เดิมขอรีไฟแนนซ์ลดภาระดอกเบี้ยได้ และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ออกมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน และมาตรการเติมทุนฉุกเฉินเพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท3. มาตรการระยะยาว คือ การฟื้นฟูผู้ประกอบการและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของพื้นที่ ประกอบด้วย 3 แนวทาง คือ 1) วางแผนฟื้นฟูผ่านศูนย์ DIPROM Center ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค จัดกิจกรรมช่วยเหลือ แนะนำในการปรับปรุงซ่อมแซม ฟื้นฟูเครื่องจักร ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้กลับมาดำเนินการได้ 2) กองทุน DIPROM PAY ออกมาตรการให้ลูกหนี้รายใหม่ขอสินเชื่อ “เงินง่าย ฟื้นใต้ ช่วยภัยพิบัติ” วงเงินรายละไม่เกิน 5 แสนบาท ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก และ 3) ขับเคลื่อนกลไกของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนการกำจัดของเสียภายในโรงงานที่ได้รับความเสียหาย ส่งเสริมและพัฒนาทักษะต่าง ๆ ในการประกอบอาชีพ เพื่อให้เกิดรายได้ ลดรายจ่าย และส่งเสริมการตลาด โดยจับมือกับเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอผลิตภัณฑ์ SME เข้าสู่ช่องทางการตลาดทั้งรูปแบบ Online และ Offline เพื่อความยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง