อันที่จริงราคาปุ๋ยและสารตั้งต้นผลิตปุ๋ยเคมี ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา จากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 65 ที่รัสเซียบุกยูเครน ราคาปุ๋ยก็ปรับพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะรัสเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกปุ๋ยเคมีอันดับ 1 ของโลก หรือนับเป็นกว่า 12% ของมูลค่าการส่งออกปุ๋ยทั้งโลก เมื่อเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งขึ้นจึงมีผลต่ออุปทานหรือความต้องการขายสินค้าต่อตลาดลดลง โดยอุปทานที่ลดลงก็มาจากหลายปัจจัย ปัจจัยหลัก ๆ เช่น กลุ่มประเทศตะวันตกคว่ำบาตรไม่ทำการค้ากับรัสเซีย ตลอดจนการที่รัสเซียจำกัดการส่งออกปุ๋ยเองด้วยเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรดังกล่าว ล้วนมีผลทำให้ราคาปุ๋ยในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงในไทยเราเองก็ได้รับผลกระทบด้วย เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นตาม
แหล่งนำเข้าปุ๋ยเคมี-สารตั้งต้น ของไทย มาจากรัสเซีย-เบลารุส
ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมีและสารตั้งต้นจาก 45 ประเทศ เฉลี่ย กว่า 5.5 ล้านตัน/ปี มูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท โดย 5อันดับประเทศที่ไทยนำเข้ามากสุดตามลำดับ คือ
1. จีน นำเข้า 1.25 ล้านตัน หรือ 22.75%
2. ซาอุดีอาระเบีย นำเข้า 8.4 แสนตัน หรือ 15.3 %
3. รัสเซีย นำเข้า 4.4 แสนตัน หรือ 8.06%
4. โอมาน นำเข้า 3.6 แสนตัน หรือ 6.64%
5. เกาหลีใต้ นำเข้า 3.3 แสนตัน หรือ 6.14%
แม้รัสเซียจะไม่ใช่ประเทศอันดับหนึ่งที่ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมี แต่การประกาศห้ามส่งออกปุ๋ยเคมีไปหลายประเทศทั่วโลกของรัสเซีย ก็ส่งผลต่อปริมาณปุ๋ยในตลาดโลกที่หายไปเกือบ 50 ล้านตัน หรือราว 12% ของมูลค่าการส่งออกทั่วโลก ประกอบกับไทยเราเองยังนำเข้าสารตั้งต้น หรือแม่ปุ๋ย ที่นำมาเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตปุ๋ยทั้งจากรัสเซียและเบลารุส หนึ่งในประเทศพันธมิตรของรัสเซีย ซึ่งพบอุปสรรคการส่งออกจากการต้องใช้ท่าเรือในยูเครนที่ทำได้ไม่สะดวกเหมือนก่อนและยังจำกัดปริมาณการส่งออกอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้จึงล้วนส่งผลให้ปุ๋ยและสารตั้งต้นขาดแคลน ราคาถีบตัวสูงต่อเนื่อง ดังนั้น ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าจึงได้รับผลกระทบดังกล่าว
ปุ๋ยแพงขึ้นใกล้ฤดูเพาะปลูก ผลกระทบของเกษตรกรไทย
ผู้ประกอบการนำเข้าปุ๋ยเคมีและแม่ปุ๋ย ได้สะท้อนปัญหานี้ออกมาว่า ต้นทุนนำเข้าที่สูงขึ้นทำให้ราคาขายปลีกปุ๋ยเคมีหลายสูตรเพิ่มสูงเป็นเท่าตัว หากเทียบตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมากับปัจจุบัน จากกระสอบขนาด 50 กิโลกรัม ราคา 600-700 บาท กลับเพิ่มเป็นกระสอบละกว่า 1,300 บาท และมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นอีก ยิ่งเมื่อถึงเดือนพฤษภาคมที่เป็นช่วงเริ่มการเพาะปลูก เกษตรกรต้องการใช้ปุ๋ยปริมาณมากขึ้นก็จะได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น และยังจะส่งผลไปยังราคาพืชผลทางการเกษตรที่ต้องเพิ่มขึ้นตามราคาต้นทุนผลิตของเกษตรกรด้วย
ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน
ปัญหาปุ๋ยแพงในครั้งนี้เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก แต่ภายในบ้านเราเองก็ต้องเร่งแก้ปัญหาเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงพาณิชย์ ติดตามดูแลไม่ให้มีการกักตุน ฉวยโอกาสขึ้นราคา พร้อมให้เร่งกระจายการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยจากหลายแหล่งเพิ่มเติม
ขณะที่กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสต๊อกปุ๋ยทั่วประเทศ ป้องกันการกักตุนและเก็งกำไรแล้ว นอกจากนี้ยังเตรียมแนวทางรับมือหากมีการปรับราคาปุ๋ยขึ้นอีก ก็จะหาช่องทางให้เกษตรกรเข้าถึงปุ๋ยในราคาถูก รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น ส่วนกรณีภาคเอกชนขอขึ้นราคาปุ๋ย กระทรวงพาณิชย์ จะพิจารณาราคาปรับขึ้นให้ตามความเหมาะสมที่สะท้อนต้นทุนการนำเข้าของปุ๋ยแต่ละสูตร
การแก้ไขปัญหาตามแนวทางดังกล่าว ถือเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นภายในประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนบางส่วนให้กับประชาชนเท่านั้น แต่ต้นเหตุของปัญหาปุ๋ยแพงที่แท้จริงอยู่นอกประเทศ จึงได้แต่หวังว่าวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน จะยุติและคลี่คลายโดยเร็ววัน