ปภ. ตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสาธารณภัยช่วยน้ำท่วมภาคใต้ เตรียมรับมือฝนตกหนักอีกระลอก 12 – 15 ธ.ค. นี้

ปภ. ตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสาธารณภัยช่วยน้ำท่วมภาคใต้ เตรียมรับมือฝนตกหนักอีกระลอก 12 - 15 ธ.ค. นี้

นายกรัฐมนตรี สั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อม 24 ชม. รับมือฝนตกหนักสัปดาห์นี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ
ผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) รับทราบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ย้ำทุกหน่วย เตรียมพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อพร้อมรับมือฝนตกหนักในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อให้พร้อมปฏิบัติงานได้ทันที รวมทั้งเตรียมศูนย์พักพิง/ศูนย์อพยพ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ปภ.ได้สั่งการให้ตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเร่งสำรวจความเสียหายของอาคารบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เพื่อนำเสนอการเยียวยา

          นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออก 3 มาตรการเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอี-ชุมชน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ อีกทั้ง กระทรวงยุติธรรม ได้นำผู้ต้องราชทัณฑ์ชั้นดี ออกช่วยเก็บกวาดขยะ และซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าของประชาชนในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม

นายกฯ สั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อม 24 ชม. รับมือฝนตกหนักสัปดาห์นี้

(8 ธ.ค.67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) รับทราบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยภาคใต้และเตรียมการรับมือฝนตกหนักสัปดาห์นี้ เน้นย้ำให้ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด

ผอ.ศปช.ย้ำทุกหน่วย เตรียมพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อพร้อมรับมือฝนตกหนักในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อให้พร้อมปฏิบัติงานได้ทันที รวมทั้งเตรียมศูนย์พักพิง/ศูนย์อพยพ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วย
ติดเตียง ปภ.ได้สั่งการให้ตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเร่งสำรวจความเสียหายของอาคารบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เพื่อนำเสนอการเยียวยาต่อไป

อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ประกาศเตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก 12 – 16 ธ.ค. 67

(9 ธ.ค. 67) ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ประกาศฉบับที่ 1 (71/2567) เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (ระหว่างวันที่ 12-16 ธันวาคม 2567)บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งคาดว่าจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลทำให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 12-16 ธันวาคม 2567 มีฝนหนักหลายพื้นที่และมีฝนหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส ขอให้ประชาชนระวังอันตรายที่เกิดจากฝนตกหนัก ฝนที่ตกสะสม และลมกระโชกแรง ซึ่งอาจทำให้พื้นที่เสี่ยงภัยเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มในพื้นที่ลาดเชิงเขา

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ไว้ด้วย

ปภ. ยังตรึงกำลังทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเฝ้าระวังน้ำท่วมภาคใต้

(9 ธ.ค. 67) เวลา 06.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช และ สงขลา จำนวน 7 อำเภอ 45 ตำบล 360 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,086 ครัวเรือน

จัดตั้งศูนย์พักพิง/จุดอพยพในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา 12 แห่ง ปัตตานี 119 แห่ง ยะลา 5 แห่ง และ นราธิวาส 70 แห่ง รวม 206 แห่ง ผู้อพยพจำนวน 20,988 คน

โรงครัว/รถประกอบอาหารในพื้นที่ประสบอุทกภัย 26 แห่ง ได้แก่ ปัตตานี 6 แห่ง สงขลา 4 แห่ง ยะลา 8 แห่ง และ นราธิวาส 8 แห่ง พร้อมสนันสนุน อาหาร น้ำดื่ม และมอบถุงยังชีพ ให้กับประชาชนในพื้นที่ ประสบอุทกภัยภาคใต้

เขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ในพื้นที่ภาคใต้ 10 จังหวัด ห้วงระหว่างวันที่ 22 พ.ย. – 8 ธ.ค. 67 รวมทั้งสิ้น 8 จังหวัด 77 อำเภอ 515 ตำบล 3,544 หมู่บ้าน 317 ชุมชน ดังนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2567)

1) จ.ชุมพร ไม่มีพื้นที่ประกาศเขตฯ

2) จ.สุราษฎร์ธานี 2 อำเภอ (กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก) 6 ตำบล 17 หมู่บ้าน

3) จ.นครศรีธรรมราช 10 อำเภอ (เมืองฯ จุฬาภรณ์ สิชล ชะอวด เฉลิมพระเกียรติ พระพรหม ร่อนพิบูลย์ พรหมคีรี ปากพนัง หัวไทร) 62 ตำบล 338 หมู่บ้าน 22 ชุมชน

4) จ.พัทลุง 11 อำเภอ (บางแก้ว ตะโหมด ป่าพะยอม กงหรา ศรีนครินทร์ เมืองฯ เขาชัยสน ปากพะยูน มะนัง ท่าแพ ควนโดน) 62 ตำบล 603 หมู่บ้าน

5) จ.ตรัง ไม่มีพื้นที่ประกาศเขตฯ

6) จ.สตูล 5 อำเภอ (ควนโดน เมืองฯ ท่าแพ ละงู มะนัง) 10 ตำบล 43 หมู่บ้าน

7) จ.สงขลา 16 อำเภอ (เมืองฯ สทิงพระ จะนะ นาทวี เทพา สะบ้าย้อย ระโนด กระแสสินธุ์ รัตภูมิ สะเดา หาดใหญ่ นาหม่อม ควนเนียง บางกล่ำ สิงหนคร คลองหอยโข่ง) 125 ตำบล 949 หมู่บ้าน 249 ชุมชน

 8) จ.ปัตตานี 12 อำเภอ (มายอ ทุ่งยางแดง หนองจิก แม่ลาน ไม้แก่น โคกโพธิ์ ยะรัง ยะหริ่ง เมืองฯ สายบุรี กะพ้อ ปะนาเระ) 115 ตำบล 647 หมู่บ้าน 46 ชุมชน

9) จ.ยะลา 8 อำเภอ (เมืองฯ รามัน บันนังสตา เบตง ธารโต ยะหา กาบัง กรงปินัง) 58 ตำบล 356 หมู่บ้าน)

10) จ.นราธิวาส 13 อำเภอ (บาเจาะ แว้ง รือเสาะ สุคิริน เจาะไอร้อง ยี่งอ ระแงะ จะแนะ ศรีสาคร ตากใบ สุไหงโก-ลก สุไหงปาดี เมืองฯ) 77 ตำบล 591 หมู่บ้าน)

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (ส่วนหน้า) นราธิวาส ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยยังคงให้จังหวัดตรึงกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยรองรับการเผชิญเหตุหากเกิดฝนตกหนักและเกิดสถานการณ์ระลอกสอง และสั่งการให้จังหวัดเร่งประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบหลักเกณฑ์

อธิบดี ปภ. กล่าวว่า “วันนี้ (9 ธ.ค. 67) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้กำหนดจัดประชุมชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดู ปี 2567 ในพื้นที่ 16 จังหวัดที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/พื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อทำความเข้าใจให้แก่หน่วยงานและผู้ปฏิบัติงานเพื่อที่จะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้องและนำเงินเยียวยา 9,000 บาท ส่งถึงมือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว”

กระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี-ชุมชน และประชาชน
ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้

(8 ธ.ค.67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมบูรณาการกับภาคเอกชนจัดตั้งศูนย์ประสานหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ตามนโยบายเร่งด่วน ซึ่งจากการสำรวจความเสียหายของสถานประกอบการ พบว่า
มีโรงงานอุตสาหกรรม 52 แห่ง วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 14 แห่ง เหมืองแร่ 1 แห่ง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 23 ล้านบาท และมีวิสาหกิจชุมชน 23 แห่ง โดยกำหนดนโยบายในการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้

1. มาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย เร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่

2. มาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลด ผ่านการให้คำปรึกษาปัญหาธุรกิจอุตสาหกรรม และช่วยเหลือในการปรับปรุงกระบวนการผลิต ฟื้นฟูเครื่องจักร ระบบไฟฟ้า เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้กลับมาดำเนินการได้ และสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม

3. มาตรการเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ผ่านการจัดทำแผนรองรับการเกิดอุทกภัยเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยจัดทำ Check List เมื่อเกิดเหตุอุทกภัย การสร้างผนังกั้นน้ำ สอนวิธีการป้องกันอุปกรณ์เครื่องจักร

กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ใช้พื้นที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จังหวัดสงขลา จัดตั้งเป็น “ศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทยประสบภัยน้ำท่วม“ รวบรวมสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ของใช้จำเป็น และยารักษาโรค เพื่อระดมและลำเลียงไปช่วยพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดใกล้เคียง และเป็นศูนย์ประสานหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ติดตามความเสียหาย เตรียมพร้อมมาตรการต่าง ๆ รองรับสถานการณ์หลังน้ำลด กำหนดแผนป้องกันหากเกิดสถานการณ์ดังกล่าว
ในระยะฉับพลัน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ ในการสนับสนุนสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อส่งมอบเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัย บรรเทาความเดือดร้อนเป็นการเร่งด่วน

รมว.ยุติธรรม สั่งการเรือนจำ นำผู้ต้องราชทัณฑ์ชั้นดี ออกช่วยเก็บกวาดขยะ และซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าของประชาชนในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม

(8 ธ.ค. 67) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส นำผู้ต้องราชทัณฑ์กองงานสาธารณะ จำนวน 10 คน ร่วมกับมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และวิทยาลัยเทคนิคนราธิวาส (มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์)
โดยคณะอาจารย์ร่วมกับนักศึกษา จำนวน 50 คน ลงช่วยเหลือเปิดศูนย์บริการผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ซ่อมรถจักรยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่

 โดย​กำหนดลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 7 – 13 ธันวาคม 2567 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยมีชาวบ้านผู้ประสบภัยในพื้นที่มาขอใช้บริการ อาทิ บริการซ่อมรถจักรยานยนต์ จำนวน 65 คัน ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประเภท เครื่องซักผ้า พัดลม ตู้เย็น ทีวี เครื่องปั่น เตารีด หม้อหุงข้าว จำนวน 150 ชิ้น

 ขณะที่ในพื้นที่จังหวัด​ยะลา โดย นายศรชัย ตลาสุข ผู้บัญชาการเรือนจำกลางยะลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ จำนวน 10 นาย นำผู้ต้องราชทัณฑ์ชาย จำนวน 22 ราย ผู้ต้องราชทัณฑ์หญิง จำนวน 20 ราย รวมผู้ต้องราชทัณฑ์ทั้งหมด 42 ราย ออกทำความสะอาด จัดเก็บขยะพื้นที่ประสบภัย บริเวณโรงเรียนเทศบาล 5 (บ้านตลาดเก่า)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง