เปิดที่มา “Thailand Entertainment Complex”
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงภาพรวมโครงการ “Thailand Entertainment Complex : มหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลก เพื่อคนไทยทุกคน” นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยต้องการเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวใหม่มาขับเคลื่อน เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในระดับโลกที่มีการแข่งขันกันสูงมากขึ้น หนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญ คือ ภาคการท่องเที่ยว หลายประเทศในโลกเริ่มที่จะแข่งขันกันในการสร้างสิ่งที่เรียกว่าเป็น Man-Made Tourist Destination เป็นการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อที่จะมาพัฒนาสร้างคอนเทนต์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศมากขึ้น ประเทศไทยก็เช่นเดียวกันต้องการจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างแรงดึงดูดใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อให้เข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น จึงขอเสนอแนวคิดในเรื่องของ Thailand Entertainment Complex ซึ่งรัฐบาลจะใช้เป็นโมเดลสำคัญในการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวในการดึงดูดนักท่องเที่ยวใหม่ๆ สร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอยู่ในระดับที่มีความเหมาะสม แต่เสียงของประชาชนเป็นสิ่งซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น วันนี้ได้เดินหน้าการยกร่างกฎหมาย Entertainment Complex มาถึงระดับที่ส่งไปที่สภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยยังคงมีเสียงสะท้อนต่อข้อห่วงใยในหลายๆ มิติ จะได้ทำความเข้าใจและสื่อสารว่า การขับเคลื่อนนโยบาย Entertainment Complex จะสามารถนำพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้อย่างไร จะปิดจุดอ่อน จุดโหว่ ข้อห่วงใยของพี่น้องประชาชนของสังคมได้อย่างไร
ได้หารือกับทั้งหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีการพบปะกับโอเปอเรเตอร์ หรือว่าผู้ประกอบการที่ให้ความสนใจในหลายๆ ภาคส่วน และจะยังพบปะพูดคุยกับผู้คนอีกจำนวนมาก โครงการนี้ไม่ใช่โครงการแบบครั้งเดียวจบ แต่เป็นการขับเคลื่อนสร้างโอกาสที่สำคัญให้กับประเทศไทยในการต่อยอดการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต โดยรัฐบาลยืนยันว่าทุกขั้นตอนจะต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีกฎหมายรองรับครบถ้วน มีข้อมูลสนับสนุน และที่สำคัญคือมีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เติมศักยภาพการท่องเที่ยวด้วย “Entertainment Complex”
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ อธิบายถึงโอกาสของการท่องเที่ยวไทย สาเหตุที่รัฐบาลต้องทำ Entertainment Complex ว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวตลอด 15 ปีของไทย โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2010 ประเทศไทยติดอันดับโลกประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมาโดยตลอด ถึงแม้ช่วงโควิดนักท่องเที่ยวจะหายไปบ้าง แต่ในช่วงปี 2023-2024 ก็ทำสถิติกลับมาติด 10 อันดับโลกใหม่ได้ แต่ถึง “จำนวนนักท่องเที่ยว” จะมีมากแต่รายได้ต่อหัวที่เข้ามาใช้จ่ายในประเทศกลับไม่เพิ่ม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกับดักการท่องเที่ยวของประเทศไทย ถึงเวลาที่ต้อง “สร้างโอกาส” ครั้งใหม่ นอกจากจะพิจารณาไปที่จำนวนนักท่องเที่ยวแล้ว ยังต้องการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ทำให้รายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว รัฐบาลเดินหน้าการท่องเที่ยวด้วยการวางเป้าหมายใหม่ๆ กำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ที่จะทำการท่องเที่ยวแบบไม่รอฤดูกาลและเน้นการท่องเที่ยวที่ “สร้างขึ้นใหม่” ปัจจุบันดำเนินการอยู่ 3 นโยบายหลัก ได้แก่
1. Global Event งานอีเวนต์ขนาดใหญ่ จะเป็นแผนงานการดึงอีเวนต์ระดับโลกเข้ามาในประเทศ เช่น F1 วิจิตรเจ้าพระยา มหาสงกรานต์ Splash FIVB Volleyball Women’s Nations League พร้อมการสร้างกิจกรรม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามา
2. การท่องเที่ยวที่เน้นการสร้างมูลค่า เช่น Health & Wellness Tourism เช่น การนวดสปา แพทย์แผนไทย แพทย์สมัยใหม่ การทำ THACCA และ 5 Must Do in Thailand เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วมีประสบการณ์ได้เต็มรูปแบบ
3. การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของการท่องเที่ยวในประเทศไทย Man-Made Destination เช่น กระเช้าภูกระดึง และ Cruise Terminal ซึ่ง Entertainment Complex เป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์ที่หลากหลายในหมวดการยกระดับการท่องเที่ยวเท่านั้น สามารถปิดจุดอ่อนการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ไม่มีความยั่งยืน สร้างการแข่งขันได้ และตอบโจทย์ความท้าทายเพราะไม่ใช่แค่โซนบันเทิง แต่เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ประเทศตลอดปี ทำให้ประเทศไทย “ไม่มี Low Season อีกต่อไป”
Entertainment Complex เป็น Man-Made Destination จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนมาลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศ สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการท่องเที่ยวขึ้นมาใหม่ ที่จะรวมไว้ตั้งแต่สวนสนุก/สวนน้ำ พิพิธภัณฑ์ สเตเดียมอเนกประสงค์ในร่ม ที่สามารถรองรับโชว์ได้ตลอดทั้งปีและสามารถปลดล็อคศักยภาพของคนไทยและภาคการท่องเที่ยวได้ พื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อนของประชาชน พื้นที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP โรงแรม 5 ดาว ศูนย์นวัตกรรมสำหรับสตาร์ทอัพและธุรกิจแห่งอนาคต ห้างสรรพสินค้าครบวงจรและโรงภาพยนตร์ คอนเสิร์ตฮอลล์ระดับเวิลด์คลาส ศูนย์ประชุมนานาชาติและพื้นที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ท่าจอดเรือยอชท์และท่าเรือสำราญ กาสิโน (ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด) ฯลฯ ทั้งหมดนี้ ผู้ประกอบการไทย SMEs ไทย จะได้รับประโยชน์ตรงนี้อย่างแน่นอน Entertainment Complex คือ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ สร้างคอนเทนต์ที่ประเทศไทยสามารถนำไปขายได้ตลอดทั้งปี คือ มหานครที่นำประสบการณ์เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของคนไทยทุกคน
Entertainment Complex สร้างเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างงาน
ประเทศไทยไม่ใช่ที่แรกในการทำ Entertainment Complex ซึ่งเป็นโครงการที่หลายประเทศกำลังมุ่งดำเนินการ โดยคาดการณ์โอกาสในตลาด Entertainment Complex สูงถึง 54 ล้านล้านบาท/ปี ยกตัวอย่างข้อมูลรายได้ต่อปีจากสถานบันเทิงครบวงจรปี 2022 ของประเทศเวียดนาม คือ 1.8 แสนล้านบาท/ปี เกาหลีใต้ 3.2 แสนล้านบาท/ปี สิงคโปร์ 4.3 แสนล้านบาท/ปี และญี่ปุ่นที่กำลังจะเปิดในปี 2030 เป็นต้น ข้อมูลตัวเลขจากประเทศเพื่อนบ้านแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
ส่วนโมเดลการสร้าง Entertainment Complex ของไทยคือ โมเดลเหมือนสิงคโปร์ UAE และที่ญี่ปุ่นกำลังทำ คือ จํากัดจำนวน เช่น ให้มีจำนวนน้อย แล้วบังคับให้การลงทุนเป็นการลงทุนขนาด mega size เท่านั้น (XXL 100,000 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น) ซึ่งโมเดลนี้จะมาพร้อมกับการลงทุนขนาดใหญ่ที่เข้ามา สิ่งที่จะได้คือการยกระดับอุตสาหกรรมขึ้นมาทั้งหมด และมาพร้อมกับมาตรฐานการกำกับดูแลระดับโลกด้วย เพราะต้องการดึงมาตรฐานระดับโลก ดึง global best practice เข้ามา ประกอบกับ local governance เพื่อสร้างมาตรการในการป้องกัน มาตรฐานในการกำกับดูแลที่เข้มแข็งที่สุด ทั้งนี้ จุดที่กำลังศึกษาอยู่ใกล้กับแหล่งคมนาคมขนส่งและที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เพราะตั้งใจว่า เมื่อมี Entertainment Complex แล้ว นอกจากจะดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามา ยังต้องการให้ผู้คนมาเที่ยวที่นี่แล้วก็ไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวข้างๆ ด้วย โดยกระจายรายได้ออกไปให้ทุกภาคส่วนกว้างขวางที่สุด ทั้งนี้ สาเหตุที่ประเทศไทยเลือกจะทำตามโมเดลสิงคโปร์ เพราะผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ ขยับ GDP ได้ 1-2% การลงทุน 15 ปีที่แล้ว 300,000 ล้านบาท การจ้างงาน 20,000 ตำแหน่ง เพิ่มรายได้ภาษีขึ้น 4.4 แสนล้านบาท ภาคการท่องเที่ยวของประเทศสิงคโปร์เปลี่ยนไปเลย
Entertainment Complex ไม่ใช่การพนันออนไลน์
นายศึกษิษฏ์ ย้ำว่า “กาสิโน” ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าได้ และยืนยันว่า ไม่ใช่ศูนย์การพนันออนไลน์ เป็นการลงทุนในโครงการแลนด์เบสที่มีโครงสร้างพื้นฐานจริง สร้างงานจริงและยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่น ไม่ใช่กาสิโนเสรีหรือออนไลน์แต่อย่างใด มีกฎเข้มงวดทั้งการห้ามโฆษณา การอบรมพนักงานเพื่อช่วยสังเกตพฤติกรรมเสี่ยง ตลอดจนการใช้มาตรการแบบองค์รวมทั้งการป้องกัน การบำบัด และการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งรายได้จากโครงการ Entertainment Complex จะถูกนำไปสนับสนุนในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น ทุนการศึกษา การพัฒนาเยาวชนในด้านกีฬา ดนตรี และเทคโนโลยี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง โดยรัฐบาลได้กำหนดเกี่ยวกับการใช้รายได้จากโครงการฯ ไว้ใน พ.ร.บ. อย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรมต่อชุมชน รวมทั้งรัฐบาลจะเปิดกว้างต่อข้อเสนอแนะต่างๆ และจะนำเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ให้รัดกุมยิ่งขึ้น
สำหรับการป้องกันฟอกเงินและการควบคุมผู้เข้าใช้ รัฐบาลวางมาตรการที่รัดกุมทุกขั้นตอน เช่น การสแกนใบหน้า และการตรวจสอบบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต การจัดเก็บข้อมูลผู้เข้าใช้ทุกคน และการตรวจสอบที่มาของเงินตามมาตรฐานสากล โดยผู้ลงทุนต้องผ่านการกำกับดูแลจากหน่วยงานระดับโลก อีกทั้งยังมีระบบตรวจสอบการใช้เงินอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการฟอกเงินโดยสิ้นเชิง พร้อมกำหนดชัดเจนว่าผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีจะไม่สามารถเข้าใช้บริการในพื้นที่เหล่านี้ได้
ขอยืนยันว่าเป็นการลงทุนที่ไม่ต้องใช้เงินภาษีจากพี่น้องประชาชน เพราะเป็นการลงทุนโดยเอกชน แต่สิ่งที่จะได้คือเราจะเกิดรายได้ตั้งแต่ช่วงก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างเกิดขึ้นในไทยแน่นอน สินค้าโต๊ะ ตู้ เตียงต่างๆ ผ้าห่ม หมอน ของเมืองไทยแน่นอนและการจ้างงานทุกอย่างเป็นคนไทย 100% ส่วนหลังเปิดให้บริการแล้วก็จะสามารถช่วย GDP ไปได้ ถึง 0.2-0.8% ตามการคาดการณ์ นอกจากนี้ จะสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยว 1-2 แสนล้านบาท จากกิจกรรมต่างๆ สิ่งเหล่านี้สามารถยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ชัดเจน จะเกิดการจ้างงาน 9,000-15,000 อัตรา ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น ประมาณ 22,300 บาท/คน/ทริป เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้น 5-20% ต่อปี เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวช่อง Low Season ขึ้น 13% ทำให้การท่องเที่ยวสม่ำเสมอทั้งปี”
นอกจากนี้ ยังมีรายได้ด้านอื่นๆ เช่น รายได้ในด้านภาษีให้รัฐ 10,002-40,000 ล้านบาท โรงแรม สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า สามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีรายได้เพิ่มอีก 8,000-35,000 ล้านบาท รายได้จากกิจการกาสิโนอย่างต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เทียบกับสิงคโปร์ที่เคยทำสำเร็จ
ไทม์ไลน์ พ.ร.บ. Entertainment Complex
นายจุลพันธ์ กล่าวชี้แจงถึงกระบวนการผลักดัน โครงการ Thailand Entertainment Complex : มหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลกเพื่อคนไทยทุกคนว่า ขณะนี้การพิจารณากฎหมายไม่ได้อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรี หรือผู้เสนอแต่เป็นอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร จ่อเป็นวาระแรกของสมัยการประชุมที่จะเปิดในเดือนกรกฎาคม เมื่อเปิดประชุมก็จะพิจารณาเป็นวาระที่หนึ่ง และตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณา
ซึ่งระยะเวลาการพิจารณากฎหมายใช้เวลาเป็นปี ทั้งขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยเฉพาะ พ.ร.บ. Entertainment Complex ที่ซับซ้อน ต้องมีการถกเถียง ปรับแก้
ทั้งนี้ เมื่อกฎหมายแล้วเสร็จ ต้องจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น หลังจากนั้นต้องศึกษาความเป็นไปได้ในหลายมิติ ทั้งพื้นที่ สถานที่ องค์ประกอบที่จะเกิดขึ้นในแต่ละจุด เช่น การสร้างสนามกีฬา สวนสนุก ต้องศึกษาให้ชัดเจน จึงจะออก TOR ซึ่งอายุของสภาผู้แทนราษฎรจำกัดแค่ 2 ปี หากกฎหมายไม่เสร็จต้องไปเริ่มใหม่ที่ 0 จะเสียโอกาส และผลักโอกาสออกไปข้างหน้าอีก เพราะไม่แน่ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะยืนยันยกกฎหมายมาพิจารณาต่อหรือปัดตก
นายจุลพันธ์ ระบุว่า ประเทศไทยไม่ควรเสียโอกาสทางเศรษฐกิจอีกต่อไป ท่ามกลางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่รุนแรงขึ้นทั่วโลก รัฐบาลไทยต้องการใช้โอกาสนี้ในการดึงดูดการลงทุนระดับแสนล้าน และยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศให้ทันกับประเทศอื่น พร้อมนำมาตรฐานสากลมาปรับใช้ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการดูแลสังคมอย่างรอบด้าน